เกาะติดสถานการณ์ล่าสุด!! บุก “ธรรมกาย” โดยกำลังจาก”กองทัพภาคที่ 1″
เด่นชัดเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีการเดินหน้าจัดการ “ธรรมกาย” อย่างเฉียบขาดและมั่นคง
เห็นได้จากจังหวะก้าวทาง “การเมือง”
1 เป็นการเคลื่อนไหวโดย นายสมพร เทพสิทธา เพื่อรื้อฟื้นกรณี “พระลิขิต” ขึ้นมาอีกครั้ง
ทำลาย “ความชอบธรรม” ในทางสังคม
ขณะเดียวกัน 1 เป็นการเคลื่อนไหวเปลี่ยนตัว “หัวขบวน”ที่จะรุกคืบเข้าไปใน “ธรรมกาย”
มิได้เป็น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล
กระนั้น บรรดา “ทหารเลว” ที่ออกมาร้องตะโกนบริเวณหน้าค่ายก็ยังเป็นคนประเภท”หน้าเดิม”
สร้าง “ความชอบธรรม” ในทาง”การทหาร”
กำลังพื้นฐานยังเป็น “ตำรวจ” และ”ดีเอสไอ” แต่ทีเน้นน้ำหนักครั้งใหม่ เป็น”ทหาร”จากพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 อย่างเต็มพิกัด
เสียงเพลง “เดอะ ลองเกสต์ เดย์” จึงกระหึ่ม
การประชุมร่วมระหว่าง ตำรวจ กับ ดีเอสไอ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ อาจยังมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เป็นประธาน
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง จากดีเอสไอ แถลงว่า “การนำกำลังเข้าตรวจค้นเพื่อจับกุมยังอยู่ระหว่างการประเมิน ความพร้อม ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะขอหมายค้นตามหมายจับได้ในช่วงใด”
แต่ก็มี “รายงานข่าว” จาก”กระทรวงยุติธรรม”ว่า
สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบให้ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิ ชาญบัญชา รับผิดชอบการสนธิกำลัง
นั่นหมายถึงเข้ามาแทน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล
ผลก็คือ มาตรการอันเคยกระทำในยุค พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิ พราหมณกุล เริ่มปรากฏร่องรอยแห่งการแปรเปลี่ยน
ไม่ว่าจะมองไปยัง “ดีเอสไอ”
ไม่ว่าจะมองไปยัง “ตำรวจ”
รูปธรรม 1 คือ ประกาศให้บริเวณวัดพระธรรมกายดำรงอยู่ในฐานะเป็น “เขตควบคุมพิเศษ”
เป้าหมายมิได้อยู่ที่ “กัลยาณมิตร”
เพราะ “กัลยาณมิตร” ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะห้ามได้ ประเด็นอยู่ที่ “พระภิกษุ” มากกว่า
เป็นมาตรการใหม่อันมาพร้อมกับวันที่ 11 กุมภาพันธ์
ขณะเดียวกัน “ตำรวจ” ก็ค่อยรุกคืบเข้าไปยังบรรดาศิษยานุศิษย์ หรือ “กัลยาณมิตร”
นั่นก็คือ จะกันออกไปอยู่นอกพื้นที่ “วัด”
เพื่ออำนวยความสะดวกให้ “ดีเอสไอ” และนักนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจค้นและเก็บพยานหลักฐาน
กำลังหลักในการปิดล้อมจะเป็น “ทหาร”
เป็นทหารจากกองทัพภาคที่ 1 ในการบัญชาการโดย “แม่ทัพภาคที่ 1”