วิศวะยิงโจ๋ 'ชูวิทย์' บอกดียิงไปนัดเดียว 'ทนายสงกานต์' เปิดแนวทางต่อสู้คดี
คดีวิศวะยิงโจ๋หลังคลิปโผล่ คนดังร่วมแสดงความเห็น 'ชูวิทย์' บอกยังดียิงไปแค่นัดเดียว กฎหมายไม่เหมือนสังคมตัดสิน ต้องไปพิสูจน์ในศาล ด้านทนายสงกรานต์ เปิดแนวทางการต่อสู้ทางคดี เรียกร้องให้ตำรวจดำเนินคดีกลุ่มวัยรุ่นด้วย เพื่อความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย หลังมือยิงถูกตั้งข้อหาแล้วสองกระทง...
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้ดำเนินรายการชูวิทย์ตีแสกหน้า ทางสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm Back แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ อายุ 50 ปี วิศวกรชาวกรุงเทพมหานคร ใช้อาวุธปืน .380 ยิงใส่นายโอ๋ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักเรียน กศน.แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยระบุข้อความทั้งหมดว่า
"หากคุณไม่เคยติดคุก คุณคงไม่เข้าใจ
ผู้คนสะใจ ที่วัยรุ่นเข้าไปรุมทำร้ายวิศวกร แล้วถูกยิงตาย เพราะวิศวกรต้องปกป้องตัวเองและครอบครัว
ผมต้องการให้เรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์ หากพูดด้วยความสะใจก็อาจบอกได้ว่า “เป็นผมจะยิงให้หมดแม็ก” แต่ผมเคยผ่านคุกผ่านตะรางมา ถึงแม้ว่าอีกฝั่งหนึ่งจะมีดาบเป็นอาวุธ (ซึ่งจริงๆแล้วยังไม่มีอาวุธ) แต่หากคุณใช้ปืนยิง เมื่อไปที่ศาลคุณอาจถูกตัดสินว่า “ทำเกินกว่าเหตุ”
ผมเคยพบเห็นคนทะเลาะกัน แล้วฝั่งตรงข้ามบุกเข้ามาในบ้านโดยถือดาบ เจ้าของบ้านใช้ปืนยิงสวนบาดเจ็บอยู่ที่ลานจอดรถภายในบ้าน ท้ายสุดถูกตัดสินว่าทำเกินกว่าเหตุ
ถามว่าเห็นใจวิศวกรหรือไม่? ที่จำเป็นต้องปกป้อง แม่ และ ลูกเมีย แน่นอนว่าน่าเห็นใจ ทุกคนย่อมปกป้องครอบครัวของตัวเอง แต่เมื่อไปพิสูจน์ที่ศาล ก็จะมีคำถามว่า เมียและแม่ได้รับบาดเจ็บหรือยัง? ถูกทำร้ายหรือเปล่า?
ในคอมเม้นต์อาจถามว่า “จะต้องรอให้พวกเขาบาดเจ็บก่อนใช่ไหม?”
ขอโทษนะครับ นี่มันเป็นกฎหมาย เราไม่ได้อยู่ในสมัยคาวบอยที่ใช้ปืนตัดสิน เมื่อมีคนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ เมื่อเขายิงคนตาย ก็ต้องถูกดำเนินคดี ยิ่งถ้าคุณยิงโดยเจตนาเอาปืนจ่อเพื่อเล็งเห็นผล ก็จะกลายเป็นเจตนาฆ่าโดยทันที
วิศวกรจะต้องต่อสู้ว่า ไม่เจตนาจะยิงเพื่อจะเอาถึงชีวิต ตั้งใจยิงขู่ พอดีกระสุนปืนมันดันไปถูกเข้า
ผมอธิบายให้สังคมฟังก็เพื่อให้เข้าใจว่า “การตัดสินทางกฎหมาย ไม่เหมือนกับการตัดสินทางสังคม” คุณต้องไปพิสูจน์กันที่ศาล ว่าการที่ฝั่งตรงข้ามเสียชีวิตเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่?
นี่ยังดีที่วิศวกรยิงไปแค่นัดเดียว หากยิงหมดแม็กแบบที่คนคอยเชียร์กันเพื่อความสะใจ นั่นหมายความว่าเขาจะไม่รอดพ้นจากการติดคุก และโทษอย่างต่ำต้องมี 15 ปี จำนวนปีจะเพิ่มขึ้นไปตามกระสุนที่คุณยิง
คุณอยากจะฟังเหตุผลจากความเป็นจริง หรือคุณต้องการแค่ความสะใจ?
สังคมย่อมเห็นใจวิศวกรที่ถูกรุมทำร้าย แต่ที่น่าเห็นใจยิ่งกว่าคือ หากต่อสู้แล้วแพ้คดี ใครจะอยู่คอยปกป้อง แม่ และ ลูก เมีย เขา?"
นอกจากนี้ ทางด้าน ทนายความสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กตั้งคำถามถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ,ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแสนสุข โดยระบุข้อความทั้งหมดว่า
"ภาพชายวัย50ปีพร้อมภรรยาและลูกวัย13ปีและมารดาถูกกลุ่มวัยฉกรรจ์และ วัยรุ่นรวม13 คนเป็นชาย 12 คน อายุระหว่าง 17ปี ถึง 21 ปี และหญิง1คนวัย 15 ปี ซึ่งได้โดยสารมากับรถยนต์ตู้โดยสารเพื่อมาเที่ยวที่บางแสนแล้วเกิดเหตุบริเวณอ่างศิลาใกล้ร้านอาหารโต้รุ่งโดยมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งลงจากรถตู้แล้วปรี่เข้าไปทำร้ายร่างกายคนขับรถยนต์เก๋งกับพวกในเวลากลางคืนจนได้รับบาดเจ็บ(ดังปรากฏในคลิปภาพ)!!!
คดีนี้นอกเหนือจากการดำเนินคดีกับชายวิศวะแล้วนั้นสิ่งที่กระผมและประชาชนหลายท่านประสงค์ที่จะนำกราบเรียนต่อท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ,ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแสนสุข ที่เคารพว่า
"ได้มีการดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นในความผิดทางอาญาและความผิดอื่นๆที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้แล้วหรือยัง? "ในความผิดฐาน
1. ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ(ตามปรากฏในคลิปส์)
2. ขับรถโดยประมาทเป็นที่น่าหวาดเสียวฯ
และความผิดอื่นๆ
จากคลิปและภาพที่ปรากฏต่อหน้าสาธารณะชนและสื่อมวลชนจะเห็นได้ว่ามีการร่วมกันลงมือทำร้ายร่างกายชายคนดังกล่าวจนได้รับบาดเจ็บฯและในความผิดอื่นๆ
พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจแสนสุขได้มีการนำส่งตัวชายวิศวะคนดังกล่าวไปให้แพทย์ทำการชันสูตรบาดแผลแล้วหรือยังและมีการดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลหรือกลุ่มวัยรุ่นแล้วหรือยัง??
เพื่อความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
กรณีที่ชายวิศวะที่ขับรถยนต์เก่งได้ใช้อาวุธปืนขนาด.380 แมกกาซีนซึ่งปืนกระบอกนี้สามารถบรรจุกระสุนในรังเพลิงได้ถึง6นัดโดยชายคนดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนของตนซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีและให้ใช้โดยได้ยิงไป1นัดกระทั่งถูกวัยรุ่นหนึ่งคนหนึ่งจนถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุโดยกระสุนปืนยังอยู่ในแมกกาซีนอีก 5 นัด
ชายวิศวะถูกตั้งข้อหาในความผิดทางอาญาดังต่อไปนี้
1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
2. พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
แนวทางต่อสู้คดีของชายวิศวะ อาจเป็นได้ดังนี้
เมื่อพิเคราะห์จากพยานบุคคลและพยานวัตถุซึ่งเป็นคลิปส์ภาพเคลื่อนไหวซึ่งหากชายวิศวะคนดังกล่าวนั้นมีเจตนาที่จะยิงวัยรุ่นคนดังกล่าวที่ได้มากลุ้มรุมหรือรุมทำร้ายหรือล้อมรถยนต์แล้วนั้นเขาก็สามารถที่จะยิงได้มากกว่า1นัดแต่เขาก็หาได้ยิงไม่ทั้งที่สามารถยิงได้ ใช่หรือไม่?
จากพฤติการณ์แห่งคดีเชื่อได้ว่าภยันตรายกำลังใกล้จะมาถึงตัวผู้ต้องหาและครอบครัวซึ่งมีภรรยามีมารดาและบุตรของผู้ต้องหารวม 4 คน ดังนั้นผู้ต้องหาจึงมีความชอบธรรมที่จะป้อง กันภยันตรายได้ตามสมควร ใช่หรือไม่?
ซึ่งในสภาวะเช่นนั้นโดยวิญญูชนแล้วย่อมเชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวย่อมจะต้องมีอาวุธซึ่งสามารถทำอันตรายผู้ต้องหาและครอบครัวได้ ใช่หรือไม่?
ฉะนั้นการที่ชายวิศวะซึ่งเป็นผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายเพียง1นัดและกระสุนถูกผู้ตายและผู้ตายถึงแก่ความตายนั้นย่อมถือได้ว่าการกระทำของผู้ต้องหานี้พอสมควรแก่เหตุ ใช่หรือไม่?
แต่ ณ ขณะนี้สิ่งที่กระผมและประชาชนโดยทั่วไปใคร่ขอกราบวิงวอนให้ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2, ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแสนสุข ได้โปรดพิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นหรือกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้อย่างเฉียบขาด!!!!!"