พลิกชีวิต!! จบป.6 ก็รวยได้ จากแม่ค้าตลาดสด กลายเป็นเจ้าของผักส่งออก รับรายเดือนละ 16 ล้าน...
การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ก็เหมือนกับคำว่า "รากฐานของบ้านคืออิฐ รากฐานของชีวิตคือการศึกษา" แต่การศึกษาของแต่ละคนไม่เท่ากันบางคนจบสูง บางคนจบไม่สูง อาจจะเป็นเพราะปัจจัยหลายๆอย่าง แต่สำหรับคนที่จบไม่สูงอย่าพึ่งท้อนะคะ เพราะวันนี้ไข่เจียวมีเรื่องราวของหญิงสาวที่จบ เพียงแค่ ป.6 เท่านั้น แต่มีรายได้เดือนละ 16 ล้าน เลยทีเดียว ไปดูคะว่าเขามีวิธีการ อย่างไรที่จะทำให้มีรายได้เยอะขนาดนี้ คุณสมเกียรติ ลำพันแดง และ คุณสุนันทร์ สตะจริง คู่สามีภรรยา เจ้าของสวน “สมเกียรติ ผักอร่อย” เล่าให้ฟังว่า ทั้งคู่ไม่ได้เรียนจบสูงมากนัก เรียนจบแค่เพียงชั้นประถมศึกษา ยึดอาชีพแม่ค้าขายผักในตลาดสด เมื่อประมาณ 6-7 ปีก่อน และได้รับรู้ปัญหาอย่างหนึ่งของการขายผักคือ ตลาดผักไม่สม่ำเสมอ ไม่สม่ำเสมอในที่นี้หมายถึง ผักบางชนิดก็หายากในบางฤดู บางชนิดก็เยอะเกิน และบางชนิดก็หาไม่ได้ ขาดตลาดไปเลยก็มี
ยกตัวอย่าง ผักบุ้ง บางฤดูหายากในตลาด ลูกค้ามีความต้องการ แต่แม่ค้าไม่มีขาย หรือบางทีก็มีเยอะเกินไป ซึ่งด้วยความเป็นแม่ค้าก็สงสัยว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น เลยคิดหาวิธีการว่าจะทำอย่างไร ถึงจะมีผักขายได้ตลอด มีมากมีน้อย ก็ควรน่าจะต้องมีขาย คิดแบบนั้นเลยเริ่มมองหาคู่ค้า เจ้าของสวนผัก เจ้าโน้นเจ้านี้ มารวบรวมส่งผักขายให้กัน โดยพอเริ่มรวบรวมผัก ก็ได้หน่วยงานของเกษตรจังหวัดสระบุรี เข้ามาให้การช่วยเหลือ และจากนั้นจึงได้รับคำแนะนำให้มีระบบมาตรฐานของห้าง จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการทำมาตรฐาน GMP
โดยคุณสมเกียรติ บอกรายละเอียดว่า
“มาตรฐาน GMP คือ หลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค GMP เป็นเกณฑ์ หรือข้อกำหนดพื้นฐานที่จำเป็นในการผลิตและควบคุม เพื่อให้ผู้ผลิตปฏิบัติตามและทำให้สามารถผลิตอาหารได้อย่างปลอดภัย โดยครอบคลุม 6 ประการ
คือ 1. สุขลักษณะของสถานที่ตั้งและอาคารผลิต 2. เครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ ที่ใช้ในการผลิต 3. การควบคุมกระบวนการผลิต 4. การสุขาภิบาล 5. การบำรุงรักษาและการทำความสะอาด และ 6. บุคลากร
พัฒนามาเรื่อยๆ จนได้รับมาตรฐาน และขยายกำลังการผลิต และการรวบรวมไปเรื่อยๆ จนสามารถกลายเป็นผู้รวบรวมผักขายได้ ส่งขายไปยังห้างแม็คโคร 4 สาขา ในพื้นที่เขตจังหวัดสระบุรี จากยอดส่งผัก 200-300 กิโลกรัม ปัจจุบันสามารถส่งผักจำหน่ายได้ถึง 5-6 ตัน ต่อวัน”
ปัจจุบัน “สมเกียรติ ผักอร่อย” ในฐานะผู้รวบรวมผัก สามารถพัฒนาไปถึงขั้นของระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อสแกนว่าผักถุงนี้มาจากฟาร์มไหน ใครเป็นผู้ปลูก ได้มาตรฐานอะไรบ้าง ผ่านการรับรองจากกระทรวงใด โรงคัดบรรจุสะอาดปลอดภัยหรือไม่ แค่ใช้มือถือสแกนหน้าถุง รายละเอียดก็จะขึ้นข้อมูลให้ผู้บริโภคทราบได้ จากผู้รวบรวม เป็นเกษตรกร มืออาชีพ
ยึดอาชีพ “ผู้รวบรวมผัก” ทำมาตรฐานส่งห้างตลอด 6 ปีที่ผ่านมา คู่สามีภรรยาจึงหันมาสร้างฟาร์มผักเป็นของตัวเองบ้าง เนื่องด้วยรู้และพอมีประสบการณ์ด้านการตลาด จึงเข้าใจและรู้ความต้องการของตลาดว่าต้องการผักแบบไหน จึงหันมาปลูกผักขาย เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่คุณสุนันทร์ บอกว่า ตั้งแต่ต้นปี 2559 มานี้ “สมเกียรติ ผักอร่อย ได้ปรับตัวจากผู้รวบรวมผัก มาปลูกผักเองบ้าง โดยใช้พื้นที่กว่า 16 ไร่ที่มีในพื้นที่ ที่มีอยู่ในตำบลโคกสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี มาเพาะปลูก
1.เน้นการปลูกให้ได้มาตรฐาน เป็นการปลูกผักแบบยกระดับ คุณภาพของผัก ปลูกแบบออร์แกนิกโดยเน้นขายไปที่ตลาดสุขภาพ ราคาขายจึงสูง มีมูลค่าทางตลาดมากยิ่งขึ้นโดย
2.แบ่งพื้นที่เพื่อปลูกผักบุ้ง กวางตุ้ง คะน้า และปลูกมะพร้าวน้ำหอม โดยจุดประสงค์ที่ปลูกมะพร้าวคือ เพื่อต้องการให้ธรรมชาติปรับช่วยกันเอง เพราะใบของมะพร้าวช่วยกรองแสงแดดได้บางส่วน ในขณะที่สร้างร่มเงา ลูกมะพร้าวน้ำหอมก็สามารถขายได้อีกด้วย
3.ส่วนพื้นที่ในการปลูกพืชจำพวกผักสลัดนั้น คุณสมเกียรติ บอกว่า มีพื้นที่น้อยก็สามารถทำได้ มีพื้นที่เพียง 5 ตารางวา ก็ทำเงินหมื่นได้ง่ายๆ ต่อเดือน เพราะพืชเหล่านี้ใช้เวลาปลูกไม่นาน ประมาณ 25-30 วัน ก็สามารถตัดขายได้แล้ว
การจะประสบความสำเร็จได้ จำเป็นต้องถามตัวเองก่อนว่า วางแผนดีหรือยัง อยากขายให้ใคร รู้ว่าจะขายให้กลุ่มไหน คุณภาพต้องเป็นแบบใดด้วย และต้องทำเกษตรให้ปลอดภัย ด้านยอดขาย คุณสุนันทร์ บอกว่า ยอดขายในฐานะของผู้รวบรวมผัก ยอดขายอยู่ที่ประมาณ 16 ล้านบาท ต่อเดือน
และคุณสุนันทร์ ยังบอกอีกว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ล้มลุกคลุกคลานมาก่อน จึงต้องเรียนรู้และพยายามทำความเข้าใจ ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่มักทำไม่เป็นระบบ ผลผลิตที่ได้เลยไม่ค่อยได้มาตรฐาน ล้นตลาดกันบ้าง ขาดตลาดกันบ้าง ต้องมีการวางแผนและปรับตัวทำตามระบบกันให้มากขึ้น อะไรที่จะสำเร็จได้ ก็ต้องพึ่งความพยายาม กันทั้งนั้นนะคะ ทำได้เหนื่อยบ้าง แต่อย่าพึ่งท้อกันนะคะ สู้ๆคะ