บอกทางรวยนอกจากหวยก็หุ้นนี้แหละ!! เล่นหุ้นให้ได้เงินวันละ 1,000 บาท ทำได้จริงหรือ ? ต้องอ่าน
คนเล่นหุ้นเป็นไม่ใช่คนที่กดโทรศัพท์ทำการซื้อขายเป็นเท่านั้น แต่หมายถึงคนที่เข้าใจความหมายของค่าดัชนี ตัวเลขชี้วัด รวมถึงติดตามข่าวสารรอบด้านทั้งไทยและต่างประเทศ เข้าใจระบบเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้เป็นอย่างดี เพราะการเข้าใจข้อบ่งชี้ที่อาจส่งผลต่อตลาด รวมถึงหุ้นตัวที่อยู่ใน “Focus” นั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเล่นหุ้นให้ได้กำไรนั่นเอง
การเล่นหุ้นให้ได้เงินวันละ 1,000 บาทนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่การจะขายหุ้นให้ได้กำไรทุกวันอาจเป็นเรื่องยากและไม่มีความจำเป็น แต่ถ้าหากบอกว่าเล่นหุ้นเดือน ๆ หนึ่งให้ได้กำไรเฉลี่ยวันละพันบาท อาจจะง่ายและ Practical กว่า ซึ่งการเล่นให้ได้เงินแบบนี้ถือเป็นเดย์เทรดที่มีความเสี่ยงเสมอ แต่ผลตอบแทนมักคุ้มค่า เข้าตำราเสี่ยงมากได้มาก แต่ถ้าผิดพลาด ชักช้า ตัดสินใจไม่เด็ดขาด นอกจากจะสูญเสียโอกาสในการทำกำไรแล้ว ยังมีสิทธิ์ขาดทุนแบบไม่ตั้งตัว
คนเล่นหุ้นเป็นมักไม่เกิดปัญหาติดดอย คนเล่นเป็นมักตัดสินใจ cut loss แล้วเอาทุนมาหมุนสร้างกำไรใหม่ ไม่มัวมาหมกหมุ้นดราม่าเฝ้าทะนุถนอมเช้าเย็นรอดูเมื่อไหร่มันจะขึ้นมาจะได้ปล่อย แต่นักลงทุนที่ทำอย่างนี้ได้ส่วนใหญ่มักเป็นนักเล่นหุ้นที่มีประสบการณ์ จึงมีความมั่นใจและความกล้าที่จะ cut loss เพราะเขารู้ว่าเขาจะเอาเงินก้อนนี้ไปทำทุนอย่างอื่นอีก
แต่ว่าหุ้นในกระดานมีอยู่หลายร้อยตัว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวไหนจะขึ้น ตัวไหนจะลง เพราะความที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีมาก จึงได้มีการแบ่งประเภทธุรกิจเป็นหมวด ๆ เช่น หมวดปิโตรเลียม หมวดการเงินการธนาคาร เป็นต้น เพื่อดูภาพรวมในแง่ของอุตสาหกรรม เพื่อที่จะได้ศึกษาย่อยเป็นรายบริษัทอีกต่อหนึ่ง การเล่นสั้นแบบเดย์เทรดคือการซื้อขายวันต่อวัน ทำให้รอบในการทำกำไรมีมาก การที่จะรู้ว่าหุ้นตัวไหนกำลังขึ้น และขึ้นไปถึงเท่าไหร่ แล้วถ้าลงจะลงถึงเท่าไหร่ ไม่มีใครตอบได้
บางคนนั่งเฝ้าดู Volume ซื้อขาย สังเกตแนวโน้มแล้วค่อยตั้งซื้อตั้งขาย ซึ่งก็เป็นเทคนิคหนึ่งที่ง่ายที่สุด และสามารถทำได้โดยไม่ต้องศึกษาลักษณะหุ้นหรือบริษัทนั้น ๆ เท่าใดนัก ข้อเสียคือเวลาได้อาจได้น้อยหรือไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากไม่เข้าใจปัจจัยพื้นฐานหุ้นตัวนั้น แค่วิเคราะห์แนวโน้มแล้วก็เล่นเลย ที่สำคัญเป็นการเล่นที่เสี่ยง เพราะแมลงเม่าหลายคนก็เล่นแบบนี้เอง ข้อได้เปรียบของผู้เล่นประสบการณ์คือเข้าเร็วแล้วออกได้ และการเล่นแบบนี้มีความจำเป็นที่จะต้องจ้องกระดานหุ้นแบบกินนอนกับตารางหุ้น เปิดค้างไว้ 3-4 หน้าจอตลอดเวลา มนุษย์เงินเดือนแมลงเม่าน้อยเสียเปรียบเพราะเปิดซื้อขายทิ้งไว้ ไม่มีเวลาตามความเคลื่อนไหว จึงมักออกไม่ทันและติดดอยในที่สุด
การเป็นนักลงทุน VI จึงอาจเป็นคำตอบของคนที่ไม่ชอบความหวือหวา เพราะเป็นการลงทุนในระยะยาว เป็นการลงทุนที่มองข้ามเรื่องการปันผลและแคปปิตอลเกน การลงทุนแบบ VI คือการลงทุนเพื่อความมั่นคงที่แท้จริง เพราะการลงทุน VI คือการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน เริ่มต้นด้วยการศึกษาหุ้นจากบริษัทที่น่าสนใจ ทั้งนี้บริษัทนั้น ๆ ต้องมีความมั่นคงและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาแล้วพอสมควร ศึกษางบการเงินบริษัทนั้น ๆ ย้อนหลังอย่างน้อย 5 ปี ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวสำคัญภายในบริษัทนั้น ๆ เช่น
การควบรวมบริษัท เปลี่ยน CEO เข้าซื้อลงทุนในกิจการข้ามชาตือื่น ๆ หรือลงทุนขยายกำลังการผลิต หรือการปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ ดังนั้นถ้าสนใจหุ้นบริษัทไหนก็ให้ติดตาม Newsletter ของบริษัทนั้น หุ้นกลุ่ม VI จึงมักมีราคาค่อนข้างสูงหลักร้อยบาท อาจถึง 3-400 บาท ทำให้ Volume ในการซื้อมักไม่ได้มาจากรายย่อยเล็ก ๆ เช่น ถ้าต้องการจะซื้อหุ้น SCN สัก 100 หุ้นก็ต้องใช้เงินสามหมื่นเกือบสี่หมื่นบาทเลยทีเดียว
การลงทุนแบบ VI จึงควรมีเงินก้อนสักหน่อยเพื่อลงทุนในหุ้นนั้น ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็น VI แล้วจะปล่อยทิ้งไม่ติดตามข่าวสาร การเป็นนักลงทุนอย่างไรเสียก็ต้องติดตาม เพราะในภาวะที่ตลาดผันผวนหากเราไม่ติดตาม เราก็อาจเสียโอกาสในการทำกำไรได้ เช่น ในภาวะปกติหุ้นน้ำมัน AAA มีราคา 250 บาท เราถือหุ้นตัวนี้อยู่ 10,000 หุ้น แต่ช่วงที่ผ่านมา อิหร่านถูกกดดันเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ จนต้องยอมลดกำลังการผลิตน้ำมัน และยอมให้ยูเอ็นเข้าตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ หากตอนกลางคืนเราติดตามข่าว เราก็ตั้งขายหุ้นของเราทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้
เพราะเรารู้แน่ว่าหุ้นกลุ่มน้ำมันจะต้องขึ้นทั้งกลุ่ม การตั้งขายก่อนเนิ่น ๆ จะได้เปรียบกว่าตั้งขายก่อนตลอดเปิด เพราะเราจะอยู่คิวแรก ๆ ในการขาย เมื่อตลาดเปิดเราต้องเกาะติดเพื่อดูว่าหุ้นไปถึงราคาที่ตั้งขายหรือไม่ แนวโน้มเป็นอย่างไร หากพุ่งแรงมาก เราอาจยกเลิกการขายก่อน แล้วตั้งขายในราคาที่สูงขึ้นไปอีก เป็นต้น
เมื่อขายได้แล้ว โดยธรรมชาติกระแสบูมข่าวจะทำให้หุ้นพุ่งหวือหวาอยู่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น และหุ้นที่มีการสวิงวันนี้ขึ้น วันต่อมาลง วันต่อมาอีกก็จะขึ้นเป็นกระดานหกโดยธรรมชาติ เราอาจหาจังหวะเข้าช้อนซื้อ และถึงแม้ว่าหุ้นตัวนั้นจะยังลงอีกก็ไม่ต้องกังวล อย่าลืมว่าหุ้นพื้นฐานดี ศึกษามาเป็นอย่างดี บริษัทไม่ล้มง่าย ๆ เมื่อราคาลงอีก หากเรามีเงินทุนอยู่ในมือ เราก็ซื้อถัวเข้าไปอีก ทำให้เราได้ของถูก พร้อมกำไรอยู่แล้วในกระเป๋าอีกก้อน นั่นก็เพราะการติดตามข่าวสารนี่เอง
แต่นักลงทุน VI หลายคนไม่มีเวลาเกาะติด หลายคนเลือกลงทุนแบบออม ในภาวะตลาดปกตินั้น นักลงทุนประเภทนี้ควรแบ่งเงินออมส่วนหนึ่งทุก ๆ เดือนเข้าซื้อหุ้น VI เก็บไว้ เป็นการเก็บเล็กผสมน้อย พนักงานเงินเดือนระดับกลาง ๆ หากมี Flow เหลือสักประมาณเดือนละหมื่น ก็ซื้อเก็บเดือนละหมื่นบาท ถือเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในระดับหนึ่ง ไม่ต้องปวดหัวกังวลเฝ้าพอร์ต เอาเวลาไปทำงานอย่างอื่นไป ส่วนตรงหุ้น VI ก็ให้เงินทำงานของมันเอง