สักการะ 10 วัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเสริมดวงเพิ่มสิริมงคล
คนไทยเราผูกพันและมีวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับ "วัด" มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "วัด" มีความสำคัญกับคนไทยเรามาแสนนาน ในสมัยก่อนใครที่มีปัญหาเรื่องร้อนใจก็เข้าวัดเพื่อสงบจิตสงบจิตใจ บางคนก็นำลูกหลานที่เป็นเด็กผู้ชายไปฝากหลวงพ่อให้เป็นลูกศิษย์วัด ให้ท่านช่วยอบรมบ่มนิสัย ส่วนบรรดาญาติโยมก็เข้าวัดฟังเทศฟังธรรมเป็นกิจวัตรประจำวันทำกันอยู่บ่อยๆ
มาในปัจจุบัน "วัด" ก็ยังคงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนไทยเชื้อสายพุทธกันอยู่เรื่อยมา วันนี้ ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 10 วัดดังจากทั่วทั้งประเทศไทย โดยวัดทั้ง 10 แห่งนี้ เป็นวัดสำคัญที่อยู่คู่ไทยเรามาแสนนาน คนไทยมีความเชื่อว่าวัดทั้ง 10 แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากที่แม้กระทั่งชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเยี่ยมชมประเทศไทย ก็ต้องไปกราบไหว้ สักการะขอพรกันสักครั้ง เพื่อเป็นการวางแผนล่วงหน้าสำหรับใครที่กำลังมีทริปที่จะไปไปกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในวันปีใหม่นี้ พ.ศ. 2560 จึงขอแนะนำให้ลองไปที่ 10 วัดดังนี้กันค่ะ
1.วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์และเป็นวัดท่องเที่ยว ซึ่งเป็นที่รู้จักของประชาชนชาวไทยโดยทั่วไป ในฐานะที่เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากวัดหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 14 กิโลเมตร อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,053 เมตร อยู่ในเขตตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
องค์พระเจดีย์ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง มีชื่อว่า "ดอยสุเทพ" แต่เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของฤๅษี มีนามว่า สุเทวะ เป็นภาษาบาลี มีความหมายว่า เทพเจ้าที่ดี ซึ่งตรงกับความหมายของคำว่า สุเทพ นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงได้ ชื่อว่า ดอยสุเทพ ซึ่งมาจากชื่อของฤๅษี คือสุเทวะฤๅษี
2. วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดอยุธยา
วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีมาแต่โบราณก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฎหลักฐาน แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้างและพระ ราชทานนามว่า "วัดเจ้าพระนางเชิง"
ในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐกล่าวว่า แรกสถาปนาพระพุทธเจ้าพแนงเชิง พ.ศ.1867 ก่อนพระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยา 26 ปี เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 14 เมตรเศษ สูง 19 เมตร เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ
พระพุทธรูปองค์นี้ชาวจีนนับถือมากเรียกว่า "ซำปอกง" คนไทยเรียกทั่วไปว่า หลวงพ่อโต หรือ หลวงพ่อพนัญเชิง
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาปรากฏว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงซ่อมครั้งหนึ่ง และต่อมาพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาคงจะซ่อมแซมกันต่อมาอีกหลายพระองค์ และเรียกกันว่า "วัดพระพแนงเชิง" บ้าง "วัดพระเจ้าแพนงเชิง" บ้าง ในพระราชพงศาวดารกล่าวว่า เมื่อกรุงศรีอยุธยาจะเสียแก่พม่าครั้งที่สองนั้น พระพุทธรูปองค์นี้มีน้ำพระเนตรไหลออกมาทั้งสองข้าง ในกลางเดือน 10 มีงานทิ้งกระจาดและงานนมัสการประจำปี
3. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร “วัดมหาธาตุ” “วัดมหาธาตุเชลียง” จังหวัดสุโขทัย
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือ วัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง และเรียกอีกชื่อว่า วัดพระปรางค์ ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองเก่าศรีสัชนาลัย ลงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และเป็นพระอารามหลวงชั้นราชวรวิหาร
มีโบราณสถานที่สำคัญภายในวัด ได้แก่ ปรางค์ประธาน ก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน ลักษณะรูปแบบเป็นสถาปัตยกรรมจัดอยู่ในสมัยอยุธยา มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัย ขนาดหน้าตักกว้าง 4.08 เมตร ประดิษฐานเป็นพระพุทธปฏิมาประธานในพระวิหาร ซึ่งเป็นพระวิหารใหญ่ขนาด 7 ห้อง สร้างด้วยศิลาแลง หน้าต่างเจาะเป็นช่องเล็กๆ เบื้องหน้าพระประธานมีพระพุทธรูปยืนปูนปั้นศิลปะสุโขทัย พุทธลักษณะงดงามมาก
4. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
เป็นวัดที่รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เป็นพระอารามหลวงตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกของพระบรมมหาราชวัง และเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา แต่ใช้เพื่อประกอบพิธีกรรมต่างๆ ของบ้านเมือง เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร “พระแก้วมรกต” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวไทย
นอกจากนี้ก็ยังมีพระพุทธรูปและงานศิลปกรรมแขนงต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมาก เช่น พระมณฑป พระศรีรัตนเจดีย์ ปราสาทพระเทพบิดร หอพระมณเฑียรธรรม วิหารยอดหอพระนาก ศาลาราย พระอัษฎามหาเจดีย์ (พระปรางค์ 8 องค์) หอพระคันธารราษฎร์ มณฑปยอดปรางค์ หอระฆัง เจดีย์ทอง 2 องค์ นครวัดจำลอง งานจิตรกรรมฝาผนังรอบพระระเบียงคดเรื่องรามเกียรติ์อันสวยงามและมีความยาวที่สุดในโลก และรูปปั้นยักษ์ทวารบาลเฝ้าประตู เป็นต้น
5. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) จังหวัดกรุงเทพฯ
วัดโพธิ์ หรือนามทางราชการว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกและเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
ให้สถาปนาวัดโพธารามวัดเก่าที่เมืองบางกอกครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดหลวงข้างพระบรมมหาราชวัง และที่ใต้พระแท่นประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้ด้วย
พระอารามหลวงแห่งนี้มีเนื้อที่ 50 ไร่ 38 ตารางวาอยู่ด้านทิศใต้ของพระบรมมหาราชวัง ทิศเหนือจดถนนท้ายวัง ทิศตะวันออกจดถนนสนามไชย ทิศใต้จดถนนเศรษฐการ ทิศตะวันตกจดถนนมหาราช มีถนนเชตุพน ขนาบด้วยกำแพงสูงสีขาวแบ่งเขตพุทธาวาสและสังฆาวาสชัดเจน
6. วัดพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม
ตามตำนานกล่าวไว้ว่าองค์พระธาตุเดิมมีอายุกว่า 2300 ปี สร้างขึ้นโดยพระมหากัสสปะ พระอรหันต์ 500 องค์ และเจ้าพระยามหานครต่างๆ เพื่อประดิษฐานพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) และทรัพย์สมบัติมีค่ามากมาย เมื่อพ.ศ. 2518 องค์พระธาตุได้ล้มทลายลงมาจึงได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ครอบองค์เดิมไว้
ในบริเวณวัดแห่งนี้มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกนำไปใช้ในพระราชพิธีราชาภิเษกของทุกรัชกาล และจะมีงานสมโภชพระธาตุจัดขึ้นทุกปีในวันเพ็ญเดือน 3 วัดพระธาตุแห่งนี้เป็นที่เคารพทั้งในหมู่พุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวลาว
7. วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร จังหวัดสกลนคร
ตามตำนานเล่าว่าพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ได้เสด็จมาประทับรอยพระบาทที่วัดแห่งนี้ นอกจากนี้ยังพบหลักฐานแท่นบูชาขอมโบราณ และศิลาจารึกอักษรขอมในราวศตวรรษที่ 15- 16 ในผนังทางเข้าอุโมงค์พระธาตุ องค์พระธาตุในปัจจุบันเป็นศิลปะล้านช้างจากการที่ได้รับการบูรณะในราวศตวรรษที่ 19 ภายในพระวิหารวัดเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระองค์แสน
พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน พระคู่เมืองสกลนคร นอกจากนี้ภายในวัดยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาพร้อมพระธาตุ ในอดีตมีการนำน้ำจากที่นี่ไปประกอบพิธีกรรมสำคัญๆ ของเมือง มีพระอุโบสถที่มีจิตรกรรมอันวิจิตร และหอกลองหรือหอระฆังที่สร้างโดยชาวเวียดนามเพื่อถวายองค์พระธาตุเชิงชุม
8. วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี
หรือรู้จักกันในนามสั้นๆ ว่า “วัดป่า” มีอายุเก่าแก่กว่า 1200 ปี เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพสูงสุดของชาวสุพรรณบุรี ประดิษฐานพระพุทธรูปปางเลไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทองสุพรรณภูมิขนาดใหญ่ เป็นที่รู้จักกันในนามหลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปคู่เมืองของสุพรรณบุรี
ซึ่งภายในองค์พระยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ 36 องค์ ภายในเขตวัดยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ อีก เช่น บ้านขุนช้าง อนุสาวรีย์ขุนแผน อนุสาวรีย์ขุนช้าง อนุสาวรีย์นางพิมพิลาไลย และงานจิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้าง-ขุนแผนที่บริเวณรอบวิหาร
9. วัดไชยธาราราม “วัดฉลอง” จังหวัดภูเก็ต
สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองและเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต วัดแห่งนี้เป็นที่ศรัทธาของชาวเมืองที่ศรัทธาในตัวหลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อช่วง และหลวงพ่อเกลื้อมที่เลื่องลือเรื่องการปรุงยาสมุนไพรรักษาโรคร้ายต่างๆ นอกจากนี้หลวงพ่อแช่มยังได้ช่วยเหลือชาวภูเก็ตต่อสู้กับกบฏอั้งยี่ในปี พ.ศ. 2419
จนเป็นความเชื่อกันมาถึงปัจจุบันว่าหากได้ไปนมัสการหุ่นขี้ผึ้งจำลองของหลวงพ่อทั้งสามที่วัดฉลองแล้วจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอย่างมาก ภายในวัดมีโบราณสถานและงานศิลปกรรมสำคัญมากมาย เช่น พระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมีประกาศประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอายุกว่า 2200 ปีที่อัญเชิญมาจากศรีลังกา ภาพจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า กุฏิจำลองของหลวงพ่อ รูปหล่อยักษ์ “นนทรีย์” และตา “ขี้เหล็ก” เฝ้าพระประธาน “ท่านเจ้าวัด” ในวิหารเก่าแก่
มีองค์พระเจดีย์โบราณของลัทธิมหายานที่สร้างขึ้นในสมัยอาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรืองราวศตวรรษที่ 13-14 ถือเป็นสถาปัตยกรรมศรีวิชัยองค์เดียวที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ภายในวัดยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ อีก เช่น พระพุทธรูปเก่าแก่ทำด้วยศิลาแลงปางสมาธิและพระพุทธรูปเก่าแก่ต่างๆ ในระเบียงคดรายรอบองค์พระธาตุ และพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เป็นต้น
...และทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวของ 10 วัดดังทั่วไทยที่เรามีมาฝากกันให้ ชาวสนุก!ดูดวง ได้ลองแวะเวียนไปกราบไหว้กัน สะดวกตรงไหนก็สามารถไปได้ที่นั่นเลยค่ะ ขอให้อิ่มบุญอิ่มใจกับการทำบุญกันถ้วนหน้านะคะ
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : skyscanner , wikipedia
ภาพ : dhammathai