ตัดแขนตัดขาเหล่าขุนพล แผนตีโอบ นวดธรรมกาย
เส้นทางการติดตามตัว พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เมื่อบรรดาศิษยานุศิษย์พากันออกมารวมตัวแน่นขนัดเป็นโล่มนุษย์อยู่ภายในบริเวณวัด จนเจ้าหน้าที่ต้องคิดหนักและตัดสินใจไม่ใช้มาตรการแตกหักในเวลานี้
แม้ในทางกฎหมายพระธัมมชโยจะเป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับใน 3 คดี ได้แก่ 1.คดีก่อสร้างสำนักสงฆ์ รุกป่าภูเรือ จ.เลย 2.คดีก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิลด์พีซวัลเล่ย์ รุกป่าเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา และ 3. คดีรับของโจรฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
ทว่า การติดตามนำตัวเพื่อมาดำเนินคดีในช่วงที่ผ่านมากลับไม่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย ตั้งแต่อ้างเรื่องความเจ็บป่วยที่ปฏิเสธไม่ไปพบเจ้าหน้าที่ตามนัด ก่อนนำมาสู่การออกหมายจับในเวลาต่อมา
ปฏิบัติการพยายามเข้าไปตรวจค้นในพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ หลายรอบ ก็ดูจะเป็นเพียงแค่การกระชับพื้นที่ กดดันบรรดาลูกศิษย์ลูกหา เช่นเดียวกับแผนตัดน้ำตัดไฟในบริเวณวัดเพื่อตอบโต้การรวมตัวของลูกศิษย์ลูกหาก็ยังเป็นเพียงแค่คำขู่ที่ไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติ
ทั้งที่มีสัญญาณจากผู้มีอำนาจในรัฐบาลเปิดไฟเขียวให้ดำเนินการแล้ว แต่การวางแผนเข้าไปติดตามตัวพระธัมมชโยก็ไม่อาจสำเร็จลุล่วงได้
บ้างว่าเป็น “แผนรั่ว” ที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงรู้เห็นเป็นใจในการวางแผนแจ้งข่าวไปยังภายในวัด บ้างว่า “เจอตอ” ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่อาจตัดสินใจผลีผลามเข้าไปดำเนินการอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า
บางกระแสก็ว่าหากเปิดฉากใช้ไม้แข็ง นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่าโล่มนุษย์บุกเข้าไปในวัดก็ใช่ว่าจะสามารถหาพระธัมมชโยได้ง่ายในพื้นที่ 2,000 ไร่ ดีไม่ดีอาจบานปลายเกิดการกระทบกระทั่งกลายเป็นชนวนรุนแรงจนคุมไม่อยู่
ที่สำคัญจนถึงขณะนี้ก็ไม่มีใครออกมายืนยันได้ว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในอาณาบริเวณวัดหรืออยู่ในประเทศไทยหรือไม่
ทั้งหมดกลายเป็นกระแสย้อนกลับมากดดันเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงสั่นคลอนความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างมีนัยสำคัญ
สิ่งที่พอจะทำได้ในเวลานี้ก็คือการกระชับอำนาจ กระชับพื้นที่ กดดันไปเรื่อยๆ
รวมทั้ง “ปฏิบัติการตัดแขนขา” ไล่ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องรอบตัวพระธัมมชโย เพื่อทำให้บรรดามือไม้และคนทำงานรอบตัวอ่อนกำลัง จนไม่สามารถออกมาปกป้อง อันจะทำให้การจับกุมตัวพระธัมมชโยง่ายขึ้น
หากจำได้ก่อนหน้านี้ในช่วงแรก สัมพันธ์ เสริมชีพ เคยรับหน้าที่เป็นทนายความออกมาสู้คดีให้กับพระธัมมชโยตั้งแต่แรกและมีบทบาทในการตอบโต้ชี้แจงอยู่พักใหญ่
ต่อมา สัมพันธ์ ถูกดำเนินคดีร่วมกับพวกรวม 9 ราย ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินจากการเข้าไปถือหุ้นบริษัท เอ็ม-โฮมเอสพีวี 2 แทน ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่น
นอกจากจะกระทบกับทีมทนายสู้คดีของพระธัมมชโยแล้ว ยังกระทบกับทีมงานออกมาชี้แจงประเด็นต่างๆ
สอดรับไปกับท่าทีของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะทยอยใช้มาตรการกดดันดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องและเร่งสอบสวนสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพระที่มีอำนาจบริหารจัดการภายในวัด และการนำเงินบริจาคจากสหกรณ์ไปเล่นหุ้นวงเงินร้อยล้านบาท
ยังไม่รวมไปถึงการติดเครื่องบรรดาคดีต่างๆ ที่จ่อคิวรอการพิจารณาทั้งคดีกับเวิลด์พีซมุกตะวัน อ.เกาะยาว จ.พังงา รุกป่าสงวนแห่งชาติควนจุก สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมและพื้นที่ใน จ.ภูเก็ต เกือบ 500 ไร่
ถัดมาที่ องอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่ออกมารับไม้ต่อทำหน้าที่ชี้แจงแถลงไขในช่วงต่อมา รวมไปถึงการออกมาเชิญชวนลูกศิษย์ลูกหาร่วมสวดมนต์ภายในวัด ที่ถูกมองว่าเป็นการจัดโล่มนุษย์ออกมาปกป้องพระธัมมชโย
สุดท้าย องอาจกลายสถานะเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2)
ก่อนที่องอาจจะหายหน้าหายตาไปจากความเคลื่อนไหวต่อสาธารณะท่ามกลางกระแสข่าวว่ามีการหลบหนีไปต่างประเทศแล้ว ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ออกมาชี้แจงว่ายังไม่พบข้อมูลการหลบหนีออกนอกประเทศ
ล่าสุดกับความเคลื่อนไหวของ พระวิเทศภาวนาจารย์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ถูกหมายเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนไปรับทราบข้อกล่าวหาให้ที่พักพิงกับพระธัมมชโยและคดีอื่นๆ รวม 13 คดี อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวออกไปสู้คดีตามกระบวนการหรือไม่
นับจากนี้จึงต้องคอยติดตามดูว่ามาตรการนี้จะสร้างแรงกดดันที่นำไปสู่การติดตามตัวพระธัมมชโยได้หรือไม่