สุดระทึก!! เปิดตำนานชาละวัน "จระเข้ใหญ่เลื่องชื่อ" ที่คนไทยเชื่อว่าคือเรื่งจริง ไม่ใช่แค่เรื่องเล่า!!
ชาละวัน เป็นจระเข้ใหญ่เลื่องชื่อแห่งลำน้ำน่านเก่า เมืองพิจิตรเกิดขึ้นหลังจากพิจิตร สิ้นราชวงศ์โคตรตะบองเทวราช ประมาณพุทธศักราช ๑๘๐๐ ไปแล้ว เมืองพิจิตรปกครองโดย เจ้าเมืองพิจิตรอีกหลายชั่วคน
วันหนึ่งลูกสาวเศรษฐีเมืองพิจิตรเก่าถูกชาละวันแว้งตกน้ำหายไป เศรษฐีจึงได้ประกาศหาคนมาปราบ โดยจะยกลูกสาวอีกคน ที่เหลือให้เป็นรางวัล ในที่สุดก็ได้ นายไกร พ่อค้าเรือจากเมืองล่าง สันนิษฐานว่าจะเป็นชาว นนทบุรี (มีหลักฐานคือตำบลนายไกร จังหวัดนนทบุรี น่าจะเป็นบ้านเดิมของนายไกร) เป็นผู้ปราบจระเข้ใหญ่ที่ชื่อชาละวันได้
ตำนานเล่าว่า ตายายสามีภรรยาไปหาปลาได้พบไข่จระเข้จึงได้เก็บมาฟักเป็นตัว แล้วเลี้ยงดูไว้ในสระน้ำใกล้ๆ กระท่อมของตากับยาย ยายรักจระเข้น้อยเหมือนลูก เมื่อตาไป หาปลามาได้ก็จะนำมาเลี้ยงดู จนกระทั่งตัวใหญ่มากขึ้น อาหารที่ตาหามาให้ไม่พออิ่มจึงกัดกิน ตายายเป็นอาหาร เมื่อขาดคนเลี้ยงจึงคลานออกจากสระลงไปในแม่น้ำน่านเก่า ซึ่งอยู่ห่าง จากสระตายายออกไปประมาณ ๕๐๐ เมตร เนื่องจากความหิวและ เคยได้กินเนื้อมนุษย์ จระเข้ของตากับยาย จึงมีความดุร้ายเที่ยวกัดกินคนทั้งบนบกและในน้ำไม่เว้นแต่ละวัน จระเข้ใหญ่ตัวนี้จึงได้ชื่อว่า “ไอ้ตาละวัน” และเพื้ยนมาเป็น “ไอ้ชาละวัน”
ไกรทอง เป็นนิทานพื้นบ้านภาคกลางของไทย ที่มีตัวเอกชื่อไกรทอง เล่าไว้หลายสำนวนด้วยกัน ภายหลังในสมัยรัชกาลที่ 2 ได้ทรงพระราชนิพนธ์เป็นบทละครสำหรับละครนอก และได้รับความนิยม ยกย่องเป็นฉบับมาตรฐานฉบับหนึ่ง
เนื้อเรื่อง
ชาละวันเป็นจระเข้เจ้า อาศัยอยู่ในถ้ำทองใต้บาดาล ในถ้ำทองจระเข้จะกลายร่าง เป็นคนได้ ชาละวันตอนกลายร่างเป็นคนจะเป็น หนุ่มรูปงาม โดยชาละวันเองมีเมียสาว สวยเป็นนางจระเข้ 2 ตัวคือ วิมาลา และเลื่อมลายวรรณ ชาละวันเป็นหลานชายของ ท้าวรำไพ ผู้เป็นจระเข้เจ้าที่อยู่ในศีลธรรม ไม่เคยจับสัตว์หรือมนุษย์กินเป็นอาหารและ จะกินแต่ซากสัตว์ที่ตายแล้วเป็นอาหารเท่านั้น ชาละวัน แม้อยู่ในถ้ำทองจะอิ่มทิพย์ไม่ต้อง กินเนื้อ แต่ ด้วย ความมีนิสัยที่เป็น อันธพาล จึงชอบมาเมืองบน ตามแม่น้ำลำคลอง จับคนที่เป็นชาวบ้านและสัตว์กินเพื่อความสนุกสนาน
ณ หมู่บ้านดงเศรษฐี แขวงเมืองพิจิตร มีพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่ง มีความงามเป็นที่ เลื่องลือ ชื่อนางตะเภาแก้ว ผู้พี่ และนางตะเภาทอง ผู้น้อง ทั้งสองเป็นบุตรเศรษฐีคำ และ คุณนายทองมา วันหนึ่งนางตะเภาแก้วและนางตะเภาทองได้ลงไปเล่นน้ำที่ท่าหน้าบ้าน ช่วงเวลานั้นเจ้าชาละวัน ซึ่งเป็นจระเข้ได้ออกมาว่ายน้ำหาเหยื่อ เมื่อได้เห็นนางตะเภาทอง ก็ลุ่มหลงในความงาม จึงโผล่ขึ้นเหนือน้ำเข้าไปคาบนางตะเภาทองแล้วดำดิ่งไปยังถ้ำทอง อันเป็นที่อยู่ของเจ้าชาละวัน เมียของชาวละวันคือ วิมาลา และเลื่อมลายวรรณ เห็นก็ไม่ พอใจแต่ก็ห้ามสามีไม่ได้เพราะเกรงกลัวจึงต้องยอมให้ผัวมีเมียเป็นมนุษย์อีกคน เมื่อนางตะเภาทองฟื้นขึ้นมาเจ้าชาละวันก็เกี้ยวพาราสี แต่นางตะเภาทองก็ไม่สนใจ เจ้าชาละวันจึงจำต้องใช้เวทมนตร์สะกดให้นางตะเภาทองหลงรัก และยอมเป็นภรรยาตั้งแต่นั้นมา
เศรษฐีคำ และคุณนายทองมาโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ที่นางตะเภาทอง บุตรสาวคนเล็กถูกเจ้าชาละวันคาบไป และคิดว่าบุตรสาวตนคงตายไปแล้ว ด้วยความรัก ในบุตรสาว และความแค้นในเจ้าชาละวัน จึงประกาศออกไปว่าใครที่พบศพนางตะเภาทอง และสามารถปราบจระเข้ตัวนี้ได้จะมอบสมบัติของตนเองให้ครึ่งหนึ่ง และจะให้แต่งงาน กับนางตะเภาแก้วด้วย แต่ก็ไม่มีหมอจระเข้คนไหนสามารถปราบเจ้าชาละวันได้ นอกจาก กลายเป็นเหยื่อของเจ้าชาละวันคนแล้วคนเล่า จนในที่สุดก็มีชายหนุ่มรูปงาม นามว่าไกรทอง ซึ่งได้ร่ำเรียนวิชาการปราบจระเข้จากอาจารย์คง จนมีความเก่งกล้า ได้อาสามาปราบเจ้า ชาละวัน แต่อาจารย์คงรู้ว่าเจ้าชาละวันเป็นพญาจระเข้มีอำนาจมาก และหนังเหนี่ยว ฆ่าฟันไม่ตาย เนื่องจากมีเขี้ยวเพชรทำให้อยู่ยงคงกระพัน จึงได้มอบหอกสัตตโลหะ เทียนระเบิดน้ำ เสื้อยันต์และลูกประคำปลุกเสก แก่ไกรทอง
รุ่งเช้าตั้งพิธีบวงสรวงพร้อมอ่านคาถา ทำให้เจ้าชาละวันเกิดร้อนลุ่มต้องออกจาก ถ้ำขึ้นมาต่อสู้กับไกรทอง ไกรทองกระโดดขึ้นบนหลังจระเข้ และแทงด้วยหอกสัตตโลหะ ทำให้อาคมของเขี้ยวเพชรเสื่อม หอกได้ทิ่มแทงเจ้าชาละวันจนบาดเจ็บสาหัส และได้หนี กลับไปที่ถ้ำ แต่ไกรทองก็ใช้ เทียนระเบิดน้ำ ตามไปต่อสู้อีกในถ้ำ
ระหว่างที่เข้าไปในถ้ำไกรทองก็พบกับ วิมาลา เมียของชาละวัน ด้วยความเจ้าชู้ จึงเกี้ยวพาราสี นางวิมาลา จนนางใจอ่อนยอมเป็นชู้ และบอกทางไปช่วย นางตะเภาทอง
ไกรทองตามมาต่อสู้กับเจ้าชาละวัน ในถ้าต่อจนเจ้าชาละวันตาย และไกรทองก็ได้ พานางตะเภาทองกลับขึ้นมา เศรษฐีดีใจมากจึงจัดงานแต่งงานให้ไกรทองกับนางตะเภา แก้ว พร้อมมอบสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง แถมนางตะเภาทองให้อีกคน ไกรทองจอมเจ้าชู้ก็รับไว้ด้วยความยินดี
แต่ยังไม่จบแค่นั้นด้วยความเจ้าชู้ของไกรทองแม้ชาละวันตายไป ไกรทองก็ยังหลง รสรักกับนางวิมาลา จงไปหาสู่ที่ถ้ำทอง และคิดจะพานางวิมาลาไปอยู่กินด้วย โดยทำพิธีทำ ให้นางยังคงเป็มมนุษย์แม้ออกนอกถ้ำทอง นางตะเภาแก้ว และ นางตะเภาทอง จับได้ว่า สามีไปมาหาสู่ นางจระเข้จึงไปหาเรื่องกับนางในร่างมนุษย์จนนางวิมาลาทนไม่ไหวกลับ ร่างเป็นจระเข้และไกรทองต้องออกไปห้ามไม่ให้เมียตีกันและอำลาจากนางวิมาลา ด้วยใจอาวรณ์