ตำนานมีอยู่ว่า หลังจากที่สร้างสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมาได้ไม่นานก็ได้มีคนงานกรมศุลกากรที่ทำงานกลางคืนเห็นหญิงสาว ผ่านเข้า-ออก บริเวณเสาต้นนี้อยู่เป็นประจำ ซึ่งมันผิดสังเกต ทางพนักงานจึงแจ้งให้ทางหัวหน้า รปภ.ทราบ เห็นความผิดปกติจึงได้แจ้งให้ช่างก่อสร้างทำการเคาะเสาปูนนี้ออกมา และหลังจากที่เคาะออกมาแล้ว ทุกคนต้องตกตะลึงเพราะสิ่งที่อยู่ในเสานั้นก็คือร่างของหญิงสาวชาวพม่า ที่ถูกข่มขืนและเทปูนทับลงไปในเสา

ซึ่งเมื่อถึงสถานที่แล้วทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่นั่น ก็ได้เล่าอีกทีอย่างหนึ่งว่า ได้มีคนงานหญิงสาวชาวพม่าได้พลัดตกลงไปทางด้านในเสาระหว่างการก่อสร้าง โดยไม่มีใครรู้ พอพนักงานกรมศุลกากรเห็นหญิงสาวคนดังกล่าวเดินเข้า-ออก จากเสา จึงได้มีการเซาะปูนออกมาและเกิดเห็นเป็นร่างคน ที่ถูกปูนเททับและรวมเป็นหนึ่งเดียวกับต้นเสา ซึ่งเสาดังกล่าวที่ว่านั้นก็อยู่ในส่วนของกลางห้องเก็บสัมภาระของฝ่ายศุลกากร และทางด้านเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรจึงได้เล่าอีกว่าวิศวกรได้ทำการพยายามที่จะแซะร่างออกจากเสา แต่ทำไม่สำเร็จต้องล้มเลิกไปในที่สุด ได้เพียงแค่ตัดร่างกายที่เกินออกมาทีละชิ้นแล้วได้ใช้ปูนโบกทับแทนไปหลายๆ ชั้น เพราะว่าไม่สามารถทำอะไรได้

และหลังจากนั้นเป็นต้นมาทางพนักงานศุลกากรทราบข่าวจึงได้จัดเครื่องเส้นวางไว้บริเวณด้านล่างของเสา พร้อมพวงมาลัยและได้ทำการสร้างกล่องบริจาคเงินเพื่อรวบรวมเงินบริจาคไปอุทิศให้กับทางผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งจัดไว้ให้ทางด้านใต้โต๊ะจวบจนทุกวันนี้นั่นเอง โดยรวมแล้วก็คงจะบอกอะไรไม่ได้มากเพราะในบริเวณสนามบินนั้นก็ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย ที่มีที่มาที่ไปรวมถึงการพบเจอต่างๆ นานา ไม่ว่าจะในห้องน้ำ หรือบนรันเวย์สนามบินก็ตาม