สาวๆ ต้องอ่าน!! 5 อาการประจำเดือนผิดปกติที่สาวๆ ไม่ควรมองข้าม!
รู้ไหมว่าบางครั้งประจำเดือนก็สามารถบอกถึงความผิดปกติในร่างกายของเราได้เหมือนกัน โดยการแสดงออกมากับอาการผิดปกติเมื่อมีรอบเดือนนั่นเอง ซึ่งก็ถือเป็นความผิดปกติที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด ว่าแต่จะมีอาการอะไรบ้าง และสังเกตได้อย่างไร ลองมาดูกัน
1.ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
หากประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาๆ ขาดๆ แต่ไม่ใช่สาเหตุจากการตั้งครรภ์ ก็สงสัยได้แล้วล่ะว่านั่นอาจเกิดจากความผิดปกติบางอย่างในร่างกายของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับฮอร์โมนหรือมดลูกก็ตาม และวิธีที่ดีที่สุดก็คือการไปพบแพทย์และตรวจให้ชัดเจนไปเลย เพื่อจะได้ทำการรักษาอย่างถูกวิธีด้วย
2.เวียนหัวและอ่อนเพลียมาก
รู้สึกเวียนหัวและอ่อนเพลียอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งบางคนก็อาจจะมีอาการหน้ามืดจนถึงขั้นเป็นลมได้เลยทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาการแบบนี้จะเกิดจากการที่เลือดประจำเดือนมามาก แม้ว่าจะเป็นเลือดเสียที่ถูกขับออกมา แต่ก็มีผลให้ร่างกายอ่อนเพลียอย่างกะทันหันได้เหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกัน ก็อาจมีสาเหตุมาจากภาวะเลือดจางได้ จึงไม่ควรนิ่งนอนใจและไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการให้แน่ชัด
3.ปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ
อาการปวดท้องประจำเดือนถือเป็นเรื่องปกติของผู้หญิง แต่บางครั้งหากปวดมากเกินไป นั่นก็คงไม่ปกติแล้วล่ะ เพราะอาจมีสาเหตุมาจากอาการของโรคช็อกโกแลตชีสต์ มะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่ หรือโรคร้ายอื่นๆ ได้ ซึ่งหากลองกินยาแก้ปวดดูแล้วแต่อาการก็ไม่ทุเลาลง แถมยังปวดหนักขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที อย่าปล่อยไว้นานจนเป็นอันตรายเลยเชียว
4.ประจำเดือนมามากเกินไป
จะรู้ได้อย่างไรว่าประจำเดือนมามากเกินไป นั่นก็คือ มามากกว่าทุกครั้ง แม้จะผ่านไป 2-3 วันแล้ว แต่ประจำเดือนก็ยังไม่ลดลงสักที แถมยังมาแบบว่าต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยเกือบชั่วโมงละแผ่นเลยทีเดียว อย่างนี้ก็คงไม่ไหวแล้วล่ะ ต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาด่วนเลย
5.เลือดประจำเดือนออกมาเป็นลิ่ม
โดยปกติแล้วประจำเดือนไม่ควรจะออกมาเป็นลิ่ม แต่ถ้ามีก็ควรเป็นเพียงลิ่มเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งหากประจำเดือนของคุณดันมีเลือดออกมาแบบเป็นลิ่มก้อนใหญ่ๆ ล่ะก็ ขอบอกเลยว่านั่นคงไม่ใช่ปกติแล้ว และคุณก็ควรไปพบแพทย์ที่ตรจเช็คให้มั่นใจด้วย
และนี่ก็คือ อาการประจำเดือนผิดปกติ ที่ผู้หญิงอย่างเราๆ ไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวเราเองได้ในอนาคต ซึ่งวิธีที่ดีที่สุด ก็คือการไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจให้มั่นใจและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ นั่นเอง