จากกรณีที่โลกออนไลน์วิจารณ์ การทำร้ายกันจนเสียชีวิตในผับแห่งหนึ่งที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพียงแค่ให้ทิปเด็กนวดในห้องน้ำต่างกันเพียง 20 บาท ซึ่งตามกระแสอ้างว่าเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรี จนบันดาลโทสะ ใช้ขวดสุราทุบหัว จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้าและข้อเท็จจริงกับ พ.ต.อ.สุรพล มุ่งมา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 10 ต่อคืนวันอาทิตย์ หลังตำรวจได้รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายในผับย่านสถานบันเทิงตลาดไลฟ์ลี่

พ.ต.ท.ไชยยา สระโสม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้ไปถึงที่เกิดเหตุ ทราบตัวคนร้ายและทำการจับกุมภายในคืนนั้น คือนายปราโมช สุริเทศ อายุ 34 ปี อาชีพเป็นเซลแมน สุรายี่ห้อหนึ่ง โดยให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุ ส่วนผู้บาดเจ็บคือนายชาคริต พูนสวัสดิ์รัตนพงษ์ อายุ 28 นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎปี 1 อาชีพเป็นช่างภาพอิสระ ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์อาการสาหัส และเสียชีวิตในวันที่ 12 ธ.ค. ทั้งนี้ จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การว่า คืนเกิดเหตุตนได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ระหว่างที่ตนไปเข้าห้องน้ำ ได้มีพนักงานห้องน้ำมานวดให้ ตนจะให้ทิปเด็ก 20 บาท แต่มีเงินเป็นแบงค์ 100 ทันใดนั้นได้มีผู้ตายมาปัสสาวะอยู่ข้างๆ เห็นเด็กไม่มีเงินทอน แล้วควักเงินให้เด็กนวด 40 บาทจึงคิดว่าผู้ตายช่วยออกให้ ส่วนหนึ่งที่ทำไปเพราะไม่พอใจเพราะก้าวก่าย หลังจากกลับมานั่งโต๊ะ พบผู้ตายนั่งอยู่โต๊ะติดกัน จึงขอชนแก้ว แต่ผู้ตายไม่ยอมชน (ทราบต่อมาผู้ตายเหล้าหมดแก้ว) ตนจึงบันดาลโทสะ คิดว่าผู้ตายเป็นคนหยิ่ง จึงใช้ขวดเหล้าฟาดบริเวณศีรษะเต็มแรง จนผู้ตายล้มลง โดยมีเพื่อนผู้ตายมาช่วยนำส่งโรงพยาบาล

รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ บอกด้วยว่า เบื้องต้น(คืนเกิดเหตุ)ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาญาติได้นำหลักทรัพย์ราคา 200,000 บาท มาประกันตัวไป หลังจากทราบข่าวว่าผู้บาดเจ็บเสียชีวิต ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเป็นทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งจะต้องเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาและเพิ่มวงเงินประกันเป็น 300,000 บาท อย่างไรก็ตามสำหรับคดี ตำรวจจะทำการสอบสวน หาพยานหลักฐานเพิ่ม ถึงแม้ผู้ต้องหาจะสารภาพแล้วก็ตาม ทั้งนี้ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และขอยืนยันจะไม่ไปเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตามที่ญาติกังวน รองผู้บังคับการกล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังญาติของผู้เสียชีวิต โดยเพื่อนสนิท ซึ่งทำงานร่วมกับผู้ตาย เปิดเผยว่า ทางญาติยังทำใจกับเรื่องดังกล่าวไม่ได้ โดยผู้ตายนั้น ถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่เคยมีเรื่องกับใคร นิ่งๆ เงียบๆ ส่วนผู้ก่อเหตุตนก็รู้จักเพราะเคยติดต่องานกัน ตามปกติก็เป็นคนไม่ได้ใจร้อน แต่ทราบมาว่า เมื่อกินเหล้าแล้วจะเป็นคนละคน ตนก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นจึงทำอย่างนั้น ซึ่งระหว่างเกิดเหตุมีเพื่อนของน้องโบ๊ท ยืนอยู่ด้วยและเป็นพยานได้ ว่าเรื่องเกิดจากสาเหตุเล็กๆ แค่ให้ทิปมากกว่าเท่านั้นจริงๆ โดยหลังเกิดเหตุน้องยังมีสติดีและเดินขึ้นรถพยาบาลเอง แพทย์ทำการรักษาและให้นอนพักดูอาการถึงตี 3 แต่ตี 5 เมื่อพยาบาลเข้าไปดูก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว จึงทราบว่าเลือดคั่งในสมองและสมองตายตามมา โดยกรณีนี้ ญาติยืนยันว่าอยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุด