ดีเอสไอ กับ ‘ตำรวจ’ มั่นใจ ‘ชัยชนะ’ เผยวิธีจัดการที่รัดกุม
มีความแจ่มชัดค่อนข้างสูงจากการเคลื่อนไหว ไม่ว่าโดย “ดีเอสไอ” ไม่ว่าโดย “ตำรวจ” ไม่ว่าโดย “อัยการ”
ต้อง “รุก” เข้าไปใน “ธรรมกาย”
นี่คือ แนวทางที่ “ดีเอสไอ” และ “ตำรวจ” รวมถึง “อัยการ” ต้องการแสดงและยืนยันให้สังคมเห็นว่าเป็น “ความจำเป็น”
“ดีเอสไอ” ไม่มีทางเลือก “อื่น”
เพราะว่าอย่างน้อย “หมายจับ” ที่ได้มาจากศาลอาญาตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม ก็ยังอยู่ในความรับผิดชอบของ “ดีเอสไอ”
ขณะเดียวกัน ยังมีอีก 2 หมายจับในคดีของ “ตำรวจ”
ทั้ง 3 หมายจับนี้ล้วนพุ่งเป้าไปยัง พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย ทั้งสิ้น หมายจับของ “ดีเอสไอ” เคยพยายามมาแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน
แต่ก็ “ล้มเหลว”
อีก 2 หมายจับในความรับผิดชอบของ “ตำรวจ” ยังไม่เคยมีการลงมือกระทำ แต่หากการลงมือคราวนี้ประสบความสำเร็จก็จะครอบคลุมไปด้วย
กระสุน 1 นัด บรรลุ 3 หมายจับ
มองจากกระแสในทาง “สังคม” มองจากมาตรการที่กำหนดและจัดวางโดยความร่วมมืออย่างรอบคอบและรัดกุม
แทบมองไม่เห็น “หนทาง” ของ พระเทพญาณมหามุนี
ดีเอสไออาจอยู่ในฐานะ “เจ้าของคดี” ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งของ “อัยการ” ให้นำตัวพระเทพญาณมหามุนี ส่งไปให้เพื่อฟ้องต่อศาล
โดยมี “ตำรวจ” กว่า 15 กองร้อยเป็น “กำลัง” หลัก
ขณะเดียวกัน ก็ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ทั้งจากเจ้าหน้าที่ “ทหาร” ทั้งจาก “กรมชลประทาน” ทั้งจากฝ่ายปกครองจากส่วนกลางและในพื้นที่
และยังมี 2 กำลังในทาง “ศาสนา” เป็นส่วน “หนุนเสริม”
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคลที่กำหนดและได้รับมอบหมายจากมหาเถรสมาคม (มส.)
2 ส่วนนี้แสดงบทบาทในการทำความเข้าใจกับ “มวลชน”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมวลชนที่จะปรากฏขึ้นในนามแห่ง “คณะศิษยานุศิษย์” ซึ่งเคยเป็นกำลังหลักในสถานการณ์เมื่อเดือนมิถุนายน
สะท้อนเห็นกระบวนการ “วางแผน” ด้าน “ปฏิบัติการจิตวิทยา” อย่างแหลมคมยิ่ง
ท่ามกลางแผน “ยุทธการ” อันต่อยอดมาจากแผน “กบิล 59” ทั้งที่ดำเนินมาตรการทั้งในทาง “การเมือง” และในทาง“การทหาร”
ถามว่าทาง “ธรรมกาย” จะตอบโต้อย่างไร
ในเมื่อ กสทช.ก็เพิ่งมีคำสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ดีซีเอ็มชั่วคราว เป็นเวลา 30 วัน ในเมื่อถนนโดยรอบพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ของวัดถูกตรวจสอบ เอกซเรย์ อย่างเข้มงวด
ก่อนวันที่ 13 ธันวาคม “ธรรมกาย” จะทำอย่างไร
การสวดมนต์ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ต่อเนื่องกันตลอด 24 ชั่วโมง อาจมากด้วยความขรึมขลัง การประสานและติดต่อกันผ่าน “ไลน์กลุ่ม” ตลอดจนเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อาจดำเนินไปอย่างคึกคักและเข้มข้น
แต่หากมาตรการคือ อนุญาตให้ “คนออก” แต่สกัดกั้นมิให้ “คนเข้า”
คณะศิษยานุศิษย์ที่เคยเป็น “กำแพงมนุษย์” เมื่อเดือนมิถุยายน ก็อาจจะละลายหายไปในความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
การรุกเจาะเข้าไป “ภายใน” สมควรมาก “ประสิทธิภาพ”
ไม่ว่า “ดีเอสไอ” ไม่ว่า “ตำรวจ” ไม่ว่า “อัยการ” จึงมากด้วยความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่าจะสัมฤทธิ์ผล
เป็นความมั่นใจที่ได้ “ไฟเขียว” ผ่านตลอด ไม่ว่าจะจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ฟันธงได้เลยว่าต้อง “สำเร็จ” ปิดประตู “ล้มเหลว” ลงไปอย่างสิ้นเชิง
สร้างความแข็งแกร่งยิ่งให้กับ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สร้างความแข็งแกร่งยิ่งให้กับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.