วัดไทรใต้ เดิมชื่อวัดไทรทอง เคยเป็นสำนักวิปัสสนาและเคยเป็นที่ตั้งชั่วคราวของศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ (ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง) วัดไทรใต้เป็นวัดเก่าแก่ มีอายุกว่า 200 ปี ตั้งขึ้นเมื่อราว พ.ศ.2350 อยู่บนที่ราบสูงเชิงเขา ติดริมแม่น้ำปิง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ.2355 ต่อมาเมื่อมีวัดไทรเหนือ วัดไทรทองจึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดไทรใต้ ปัจจุบันมีพระครูนิโครธธรรมวุฒิ เป็นเจ้าอาวาส มีพระประธานศักดิ์สิทธิ์ในอุโบสถชื่อ หลวงพ่อโต และมีรูปหล่อหลวงปู่ทวด ประดิษฐานอยู่ในวิหาร

เหตุใดหลวงปู่ทวดจึงมาอยู่ที่วัดไทรใต้?

หลังจากที่ พระอาจารย์ทิม แห่งวัดช้างให้ ได้ สร้างพระหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นแรกออกมาในปี พ.ศ.๒๔๙๗ เรื่องราวอภินิหารของท่านก็เริ่มปรากฏอย่างต่อเนื่อง จนทำให้หลวงปู่ทวดกลายเป็นที่ศรัทธาของคนทั่วไปอย่างมากมายแบบไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากพระหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นแรกนี้ได้ก่อเกิดปาฏิหาริย์ในทุกๆด้าน พระอาจารย์ทิมจึงทำการหล่อรูปเหมือนหลวงปู่ทวดประดิษฐานไว้ที่วัดช้างให้ขึ้นเพื่อให้ญาติโยมได้สักการะบูชาเป็นครั้งแรก ในปีเดียวกันนั้นเอง

โดยมีรายละเอียดจากการบอกเล่าของลุงบุญเรือน หงส์มณี ช่างหล่อพระอาวุโสสูงสุดแห่งบ้านช่างหล่อในปัจจุบัน ดังนี้ คุณลุงบุญเรือนเล่าว่าสมัยที่เป็นวัยรุ่น ได้เป็นผู้ช่วยช่างติดตามพี่ชายลงไปหล่อพระหลวงพ่อทวดองค์แรกที่อยู่ในวิหารวัดช้างให้ โดยมีท่าน อาจารย์ชิ้น ชื่นประสิทธ์ เป็นผู้ปั้นหุ่นหลวงพ่อทวด (อาจารย์ชิ้นเป็นลูกศิษย์ยุคแรกๆของท่านอาจารย์ศิลป์ พีระศรี) โดยที่ท่านอาจารย์ทิมจะเรียกรูปหลวงพ่อทวดให้เกิดที่เล็บหัวแม่มือของท่าน อาจารย์ทิมท่านใช้เวลาเรียกไม่นาน จนเห็นเหมือนภาพในทีวี แต่จางกว่า ถ้ามืดๆก็จะชัด ตอนหล่อพระก็ไม่มีอุปสรรคอะไร ช่างหล่อทุกคนพอหล่อเสร็จก็พักผ่อนและเตรียมตัวจะกลับกรุงเทพในเช้าวันรุ่งขึ้นทันที

เพราะได้ซื้อตั๋วรถไฟกันไว้เรียบร้อยก่อนแล้ว โดยรถไฟจะออกจากหาดใหญ่ประมาณเที่ยง จึงต้องออกจากวัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานีตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะเดินทางไปขึ้นรถไฟที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาให้ทัน แต่พอพระอาจารย์ทิม ทราบว่าคณะช่างจะออกเดินทางกลับในตอนเช้า ท่านจึงขอร้องว่าให้ช่วยแกะหุ่นออกดูก่อนเผื่อหล่อแล้วมีปัญหา แต่ช่างก็ยืนยันว่าจะต้องออกเดินทางจากวัดช้างให้แต่เช้าเพื่อให้ทันรถไฟ ไม่มีเวลาแกะหุ่นหรอก ระหว่างที่ยังเจรจากันอยู่โดยยังไม่สามารถตกลงกันได้นั้น คุณลุงเล่าว่าหลวงพ่อทวดมาลงทรงท่านพระอาจารย์ทิมและรับรองว่ายังไงคณะช่างก็ได้กลับกรุงเทพโดยขบวนรถไฟที่ได้ซื้อตั๋วไว้แล้ว อย่าเป็นห่วง

พอคณะช่างเห็นดังนั้นจึงตกลงยอมที่จะอยู่แกะหุ่นออกก่อน รุ่งขึ้นตอนเช้าก็แกะหุ่นออกดูปรากฏว่ากว่าจะเสร็จประมาณเที่ยง เมื่อเห็นว่าองค์หลวงพ่อทวดหล่อได้เรียบร้อยดี ไม่ต้องแก้ไขอะไร คณะช่างก็ลาท่านพระอาจารย์ทิมออกเดินทางจากวัดช้างให้มาที่หาดใหญ่ โดยทำใจแล้วว่าไม่ทันขบวนรถไฟที่ซื้อตั๋วไว้คงต้องซื้อตั๋วขบวนใหม่เดินทางกลับเป็นแน่ แต่เมื่อมาถึงสถานีกลับปรากฏว่ารถไฟขบวนที่ซื้อตั๋วไว้แล้วนั้นมีปัญหาผิดเวลายังไม่สามารถจะออกเดินทางได้ และจะออกเดินทางได้ในเวลา ๖ โมงเย็น สรุปว่าขบวนรถไฟยังไปไม่ได้ ต้องรอคณะช่างเป็นไปตามคำกล่าวของหลวงปู่ทวดที่มาลงทรงพระอาจารย์ทิมนั่นเอง คุณลุงบุญเรือนบอกว่าเป็นเรื่องแปลกมากๆ

ต่อมาในปลายปี พ.ศ.๒๕๐๕ พระอาจารย์ทิมได้รับนิมิตจากหลวงปู่ทวดให้ไปหล่อรูปของท่านประดิษฐาน ณ วัดไทรใต้ ด้วยว่าท่านเคยมีความผูกพันตั้งแต่สมัยมาเรียนบาลีที่กรุงศรีอยุธยา พระอาจารย์ทิมจึงได้ขอให้พระภิกษุยอด วัดประยูรวงศาวาส ซึ่งรู้จักกัน เป็นผู้ประสานงานมายังวัดไทรใต้กระทั่งได้มีการหล่อขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๐๖ โดยพระอาจารย์ทิมเดินทางจากวัดช้างให้มาหล่อด้วยตนเอง (ได้รับการยืนยันจากคุณตาสุบิน พ่วงหุ่น ปัจจุบันอายุ ๘๔ ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์คราวนั้น) ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะปกติแล้วท่านพระอาจารย์ทิมจะไม่ไปทำการหล่อรูปหลวงปู่ทวดนอกวัดช้างให้เลย ขณะเดียวกันได้มีการออกวัตถุมงคลรูปหลวงปู่ทวดที่วัดไทรใต้หลากหลายรูปแบบให้บูชาเพื่อนำปัจจัยมาจัดสร้างและบูรณะเสนาสนะ รวมทั้งเตรียมสร้างวิหารเพื่อประดิษฐานรูปหล่อหลวงปู่ทวดด้วย เรื่องราวที่รูปหล่อของหลวงปู่ทวดมาปรากฏที่วัดไทรใต้จึงมีความเป็นมาด้วยว่าท่านมีความผูกพันกับวัดนี้มาแต่เมื่อครั้งมาเรียนบาลีที่กรุงศรีอยุธยา

ซึ่งหลวงปู่ทวดเคยดลบันดาลให้พระอาจารย์ทิมมาช่วยพัฒนาวัดนี้ไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๖ ซึ่งกาลเวลาผ่านไปนานถึง ๕๑ ปีแล้ว วัดไทรใต้เริ่มทรุดโทรมจนจึงต้องปฏิสังขรณ์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้หลวงปู่ทวดท่านคงดลบันดาลให้ หลวงปู่เขียวมาช่วยบูรณะวัดไทรใต้อีกวาระ ท่านจึงมาจำพรรษาเพื่อร่วมบูรณะวัดแห่งนี้ มาได้ ๑ พรรษาแล้ว แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จ ทางวัดโดยท่านพระอาจารย์ชุมจึงขอเมตตาและขออนุญาตจากหลวงปู่เขียวทำการสร้างรูปหล่อเหมือนทั้งเล็ก (ขนาดห้อยคอ) และใหญ่( ขนาดบูชา๕นิ้ว) เพื่อจะได้นำปัจจัยมาทำการปฏิสังขรณ์วัดไทรใต้ให้แล้วเสร็จ ซึ่งหลวงปู่เขียวท่านก็เมตตาตั้งใจปลุกเสกให้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันหลวงปู่เขียวท่านได้จำพรรษาที่วัดไทรใต้มาตลอดพรรษาและได้ออกวัตถุมงคลตอบแทนให้ผู้ร่วมบริจาคทรัพย์ปฏิสังขรณ์วัดไทรใต้ โดยเป็นประธานจัดสร้างและพุทธาภิเษกวัตถุมงคลของวัดฯอย่างเต็มกำลังส่งผลให้วัตถุมงคลมีประสบการณ์มากมาย จนชาวนครสวรรค์ที่ทราบข่าวแห่กันมาบูชาจนบางรายการหมดลงไปแล้ว แต่ยังโชคดีที่เรื่องราวเหล่านี้ทราบกันเฉพาะคนใกล้ชิดหลวงปู่เขียวเพียงไม่กี่คนและคนใกล้วัดเท่านั้น จึงยังทำให้วัตถุมงคลบางรายการยังพอมีเหลืออยู่ พ่อท่านเขียวเป็นผู้หนึ่งที่คลุกเนื้อดินผสมว่าน และร่วมพิธีกรรมเจริญพุทธมนต์ในระหว่างที่ท่านอาจารย์ทิมกำลังอัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวดในครั้งนั้น อีกทั้งต่อมายังได้รับการอาราธนาเข้าร่วมพิธีกรรมปลุกเสกอีกหลายวาระ และภายหลังจากที่อาจารย์ทิมท่านมรณภาพแล้ว พ่อท่านเขียวก็ยังได้รับความเชื่อมั่นจากวัดช้างให้ อาราธนาเข้าร่สมปลุกเสกพระหลวงปู่ทวดมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน

ซึ่งปัจจุบัน ท่านอายุ ๘๗ ปี นับว่าหลวงปู่เขียวเป็นพระเกจิสำคัญ ที่เปรียบเสมือนเพชรอีกเม็ดงามแห่งวงการพระเกจิอาจารย์เมืองใต้เลยทีเดียว โดยเฉพาะการปลุกเสกพระหลวงปู่ทวดในปัจจุบันด้วยแล้วแทบจะไม่เหลือใครที่ทันยุคอีกนอกจากพ่อท่านเขียวที่หลวงปู่นอง วัดทรายขาว ท่านได้กล่าวยืนยันไว้กับศิษย์ใกล้ชิดว่า พ่อท่านเขียวว่าปลุกเสกเดี่ยวเหลวงปู่ทวดเพียงลำพังรูปเดียวได้