แชร์เลย!!  ถ้าไม่อยากต้องทุกข์ทรมานจากอาการปวดหัวไมเกรน แนะนำให้เลี่ยงกินอาหารเหล่านี้

แชร์เลย!! ถ้าไม่อยากต้องทุกข์ทรมานจากอาการปวดหัวไมเกรน แนะนำให้เลี่ยงกินอาหารเหล่านี้

 

คนจำนวนมากต้องทุกข์ทรมานจากอาการปวดหัวไมเกรน ซึ่งอาการปวดหัวประเภทนี้จะสร้างความเจ็บปวดทรมานอย่างมากอาการจะเกิดขึ้นอย่างกระทันหันโดยปราศจากการแจ้งเตือนใดๆ 

ในบางกรณีจะทำให้เกิดจุดพร่ามัวร่วมด้วยอาการปวดหัวจะรุนแรงถึงขั้นต้องนอนนิ่งๆ ตลอดทั้งวัน รวมถึงอาการคลื่นไส้อาเจียนและความไวต่อแสงเป็นอาการไมเกรนที่พบมากที่สุด 

ได้มีการศึกษาอย่างมากมายเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรน 

บางอย่างแสดงให้เห็นว่า สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงก็เป็นสาเหตุสำคัญ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีที่อุณหภูมิร้อน รวมถึงการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไปตลอดระยะเวลา 1-2 วัน อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงของระดับเซโรโทนินในสมองหรือการเพิ่มและลดของการไหลเวียนเลือดที่ส่งไปยังสมองสามารถเป็นสาเหตุของการเกิดไมเกรนได้อีกเช่นกัน

ผลการศึกษาที่ผ่านมาการขาดวิตามินบี 6 บี12 กรดโฟลิก และวิตามินดีสามารถเป็นสาเหตุของไมเกรนที่พบบ่อย 

คุณสามารถเพิ่มความเสี่ยงของอาการปวดหัวไมเกรนได้ถึง 300% หากขาดวิตามินเหล่านี้ในอาหารของคุณ ด้วยเหตุนี้มันจึงมีความสำคัญมากเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของคุณได้รับวิตามินเหล่านี้ในปริมาณที่เพียงพอ 

มีการยืนยันว่าอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรน : 

ปลากะตัก

อะโวคาโด

กล้วย

คาเฟอีน

ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

ชีสเก่า 

ช็อคโกแลต

มะเดื่อ

ปลาแฮร์ริ่ง

ถั่วเลนทิล

เมล็ดถั่วลันเตา

ถั่วลิสง

เนื้อสัตว์แปรรูป

ราสเบอร์รี่

ลูกเกด

ลูกพลัมแดง

ปลาซาร์ดีน

ซีอิ๊ว

ไวน์

และปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถก่อให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรน : 

-ความเหนื่อยล้า

-การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ

-มื้ออาหารที่ขาดไป

-แสงไฟกระพริบ

-การเปลี่ยนแปลงของความดัน

-สารที่มีกลิ่นฉุน เช่นน้ำหอม, สี, หรือสารเคมีอื่นๆ 

หากคุณต้องเผชิญกับอาการปวดหัวไมเกรนบ่อยๆ คุณควรจดรายการอาหารที่คุณควรบริโภคและทุกอย่างที่คุณควรทำในแต่ละวัน วิธีนี้จะสามารถช่วยให้คุณป้องกันตัวเองจากโรคปวดไมเกรนที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต