"พ่อ" คำสั้นๆแต่ยิ่งใหญ่!! เพราะหน้าที่ หัวใจจำต้องทน หาเลี้ยงลูกบนรถขายแมลงทอด!? เมื่อรู้สาเหตุที่ทำแบบนี้ น้ำตาแทบไหล เวทนาสุดๆ!? มีคลิป (1 แชร์ 1 กำลังใจ)
บางทีชีวิตมนุษย์เราก็สุดแสนทุกข์ระทม น่าสงสารเวทนาอย่างไร้ขอบเขต ดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอดของปากท้อง เพราะ “ต้นทุนชีวิต” ตั้งแต่ลมหายใจแรกที่ลืมตาดูโลกของแต่ละคนนั้น ก็ช่างไม่เท่ากันเสียจริงๆ สิ่งที่เขาทำคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด นั้นก็เพราะว่า...ยังดีกว่าเขาไปทำอาชีพทุจริต “จี้ปล้น” คนอื่นมาให้ลูก
หลายต่อหลายคนตั้งคำถามกับตนเอง ทำไมความหดหู่ภายในใจถึงเกิดขึ้น? เมื่อได้เห็นภาพ...ชายคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการขาย “แมลงทอด” มือขวาจับทัพพีตักแมลง มือซ้ายคอยปัดพัดวีให้ลูกชายวัย 3 ขวบ 3 เดือน ที่กำลังนอนอยู่ใน “กระบะขายแมลงทอด” แล้วเหตุใดเขาต้องทำเช่นนั้น??
นั่นด้วยเพราะหน้าที่ความเป็น “พ่อ” และ “แม่” ในเวลาเดียวกัน ชายคนนี้ที่ชื่อว่า “ลำพูน สีหานู” อายุ 43 ปี ชาวจ.ชัยภูมิ จึงต้องทำเช่นนั้น
ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา เขาตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่กับ “หญิงชาวเวียดนาม” ใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังความตายได้พรากชีวิต 2 บุคคลที่เขารักมากที่สุด มัจจุราชได้นำวิญญาณ “แม่” และ“พี่ชาย” ของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ ขณะที่เขาอายุได้ 23 ปี พี่ชายป่วย “มะเร็งเม็ดเลือดขาว” เสียตอนอายุ 25 ปี ที่ รพ.สนามจันทร์ จ.นครปฐม ส่วนแม่ป่วย “มะเร็งปากมดลูก” รักษาตัวที่ รพ.ศิริราช เสียตอนอายุ 61 ปี
“ผมมีอยู่ด้วยกัน 3 ชีวิต พี่ชายรักษาอยู่เดือนกว่าๆ ก็จากไป พ่อเลิกกับแม่ตอนผมอยู่ ป.3 น้าชายหาเลี้ยง แม่ก็รับจ้างทั่วไปเท่าที่ทำได้ เมื่อแม่มาป่วย ที่ดิน 10 ไร่ และที่ดินของบ้านได้ขายทั้งหมด 3 แสนบาท เอาเงินมารักษาทั้ง 2 คน ผมก็ต้องสลับไปดูพี่ชายและแม่ แต่หลังพี่ชายเสียก็ต้องไปดูแลแม่ทุกๆ วัน ค่าเช่าห้องก็ต้องจ่าย ไหนจะค่ากินอีก เงินเริ่มหมดลงทุกวัน แต่ก็ใช้อย่างประหยัด เพราะเรารู้ว่ากว่าจะหาได้มันยากแค่ไหน”
แต่ท้ายที่สุด “ความจากลา” คืบคลานเดินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วย “เงินเราก็จะหมดลงทุกที ผมพยายามกลั้นน้ำตา ตอนที่ผมเซ็นชื่อพาแม่กลับบ้าน แม่ขอตายที่บ้าน มันทรมานมาก ต่อไปนี้เราเหลือตัวคนเดียวแล้ว ขณะนั้นเมียคนแรกที่คบกันและมีลูกสาวด้วยกัน 2 คน ตอนนี้คนโตคงอายุ 16 ปี และคนเล็กอายุ 10 ขวบ ก็พยายามตีตัวออกห่าง เพราะเราไม่มีอะไรเหลือแล้ว น้าชายที่หาเลี้ยงก็มีครอบครัวและเสียชีวิตไปอีกคน”
เมื่อเลิกกับภรรยาคนแรก “ผมไม่มีอะไรเหลือแล้ว” จนกระทั่งมาพบเจอ “หญิงชาวเวียดนาม” คนหนึ่งที่อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แต่ด้วยความ
เป็นพ่อ “ผมคิดถึงลูกสาวทั้ง 2 คนเสมอ อยากดูแลเขา แต่ทำไม่ได้” จึงตั้งใจหาคู่ชีวิตสร้างครอบครัวให้มีความสุข และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 3 ขวบ 3 เดือน ต้องกระเตงระหกระเหิน เลี้ยงภายใน “กระบะขายแมลงทอด” เพราะภรรยาต้องไปต่อวีซ่าบ่อยครั้งเพื่อขออยู่ต่อในประเทศไทย
“ตอนที่แฟนผมไปต่อวีซ่าที่เวียดนาม ก็ต้องนั่งรถบัสปรับอากาศออกแต่เช้ามืด จาก กทม.ไปหนองคาย ข้ามไปประเทศลาว ปลายทางประเทศเวียดนาม เงินครั้งหนึ่งก็ไม่ใช่น้อยๆ บางครั้งไป 2-3 เดือนถึงจะกลับ จึงต้องเลี้ยงลูกเองแบบนี้แหละครับ เคยพูดกับตัวเอง ทำไมเราทำได้แค่นี้ บางครั้งมันก็ท้อเหมือนกัน”
ใครไม่ตกอยู่สภาวะแบบนี้คงไม่รู้หรอก หากเขามีคนดูแลลูก เขาคงไม่กระเตงเลี้ยงลูกแบบนี้ ถ้ามองในมุมของคนทั่วไปก็อาจจะคิดกันไปต่างๆ นานา เหมาะบ้างไม่เหมาะบ้างก็พูดกันไป แต่ถ้ามองที่หัวใจของคนเป็นพ่อ “คงมีแต่ความซึ้งใจในความรักที่มีต่อลูก” ทำหน้าที่ให้ดีสมกับเป็น “พ่อคน”
นี่แหละความรักของ “พ่อ-แม่” ทุกคน เราอาจจะไม่เคยเห็น หรือจำไม่ได้ในตอนที่พ่อแม่ดูแลเราครั้งเมื่อยังเด็ก “ความรัก-ความซึ้ง” ที่มีต่อพ่อแม่จะรู้สึกได้เมื่อเราเติบโตเป็นผู้ไหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะ “ความรัก-ผูกพันธ์” จะเป็นครูสอนที่ดี
ทุกวันนี้เถ้าแก่เช่าบ้านให้อาศัยอยู่ ที่ ต.บางแม่นาง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ภายในบ้านอยู่กันหลายคน แลกกับการขายแมลงทอด รับมาจะน้อยจะมากก็ขึ้นอยู่กับเรา จ่ายค่าต้นทุน 1,500-2,000 บาท ขายไม่หมดก็ต้องยอมรับสภาพ ตอนนี้ติดลบอยู่ 16,000 เพราะยืมเถ้าแก่มาจ่ายค่าคลอดลูกชาย ช่วงหน้าฝนจะขายไม่ดี คนไม่ค่อยซื้อ แต่ช่วงไหนอากาศหนาวๆ เย็นๆ คนมักชอบซื้อกิน