จริงหรอเนี้ย!! เปิดตำนานล่าแวมไพร์แห่งลุยเซียนา ผ่านไปร้อยปีแต่สสิ่งนี้ไม่เน่า!? ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!? (มีภาพ)

จริงหรอเนี้ย!! เปิดตำนานล่าแวมไพร์แห่งลุยเซียนา ผ่านไปร้อยปีแต่สสิ่งนี้ไม่เน่า!? ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!? (มีภาพ)

ตำนานสยองเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว แวมไพร์ร้ายแห่งลุยเซียนาได้ถูกตามล่าและสิ้นฤทธิ์ เวลาผ่านไปหนึ่งศตวรรษ หัวใจแวมไพร์ยังคงอยู่ กลายเป็นที่ระลึกชวนสยองให้ดูต่างหน้า

          ตามตำนานเล่าว่า ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1911 (พ.ศ. 2454) เกิดเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญในชุมชนชาวแอฟริกัน-อเมริกัน  เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ครอบครัวหนึ่งถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ไม่มีใครรู้ว่าฆาตกรเป็นใคร ท่ามกลางของหวาดกลัวของชาวบ้าน ฆาตรกรใจโฉดได้ก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำอีก ผู้คนกว่า 40 ชีวิตถูกสังหาร สิ่งที่น่าประหลาดของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งนี้ คือ สภาพศพทุกรายเหือดแห้ง ราวกับว่าเลือดถูกสูบออกไปจนหมด จากความผิดปกติเหล่านี้ ชาวเมืองจึงลงความเห็นกันว่า เหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นฝีมือของแวมไพร์

          เมื่อชาวเมืองต่างทุกข์ร้อนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงได้ขอความช่วยเหลือไปยังท่านสาธุคุณอองรี เจตต์ บาทหลวงประจำชุมชน คุณพ่ออองรีถูกขอร้องให้มาสืบคดีและตามล่าแวมไพร์ร้ายตนนี้มาลงทัณฑ์ ท่านสาธุคุณอองรีรับปากและไปชักชวนโมเสส ออบูชอน สหายเก่าแก่ผู้เป็นหมอผีในลัทธิฮูดู

ท่านทั้งสองตกลงกันว่าจะออกตามล่าฆาตกรายนี้ หมอผีโมเสสไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียวว่าฆาตกรคือแวมไพร์ แต่ก็หวั่นใจว่าอาจจะใช่ ด้วยความเชี่ยวชาญในการรับมือกับวิญญาณร้ายมานักต่อนัก ท่านหมอผีจึงพกลิ่มไม้ติดตัวไปด้วย เพื่อใช้ในการกำราบวิญญาณร้าย หมอผีโมเสสเริ่มปฏิบัติการตามล่า ด้วยการสืบหาจากจุดเกิดเหตุในแต่ละที่ และทุกจุดเกิดเหตุอยู่ไม่ไกลกับสถานีรถไฟ

          ท่านทั้งสองเดินทางไล่ตามที่เกิดเหตุไปจนถึงสถานีเชนนีย์วิลล์ สถานีแห่งนี้เป็นสถานีสุดท้ายในแผนที่ที่ยังไม่เกิดเหตุใด ๆ ทั้งคู่ซุ่มรออยู่ที่สถานีในทุก ๆ คืน จนค้นพบตัวผู้ต้องสงสัยที่มั่นใจว่าคือฆาตกร
 
          ชายวัยกลางคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ตามเนื้อตัวและมือทั้งสองข้างเปื้อนเลือด หมอผีโมเสสและสาธุคุณอองรีตามสืบจนรู้ตัวว่า ชายคนดังกล่าวมีนามว่า "ออกุสต์ เดอลากรานซ์" เป็นพนักงานของบริษัทการรถไฟ

          หลังจากสืบจนรู้ว่าฆาตกรคือใครและอาศัยอยู่ที่ไหน คู่หูหมอผีและบาทหลวงได้รอจนถึงกลางคืน จากนั้นจึงเดินทางไปยังบ้านของออกุสต์ ด้วยความที่เส้นทางขรุขระเต็มไปด้วยรากไม้ และหมอผีโมเสสก็ไม่สามารถเดินได้ ต้องนั่งรถเข็น การเดินทางจึงเป็นไปอย่างล่าช้า ท่านสาธุคุณอองรีจึงตัดสินใจที่จะลุยเดี่ยว คว้าค้อนและลิ่ม ย่องเข้าบ้านของออกุสต์

ในบ้านหลังนั้น ท่านสาธุคุณอองรีพบขวาน อุปกรณ์ที่ออกุสต์ใช้สังหารวางพิงอยู่กับผนัง ขวานด้ามนั้นมีคราบเลือดจำนวนมากติดอยู่ จากนั้นท่านก็ย่องไปถึงตัวออกุสต์ เดอลากรานซ์ ที่นอนหลับอยู่บนเตียง ใช้ลิ่มตอกเข้าอย่างแรงที่อก และปักคาไว้เป็นการสะกดวิญญาณ ออกุสต์ตายและเป็นการปิดฉากฆาตกรรมสะเทือนขวัญแห่งลุยเซียนาไป

          ร่างของแวมไพร์ออกุสต์ เดอลากรานซ์ ได้สูญสลายไปตามกาลเวลา เหลือทิ้งไว้แต่โครงกระดูกและหัวใจที่ยังคงสภาพ ไม่เน่าเสีย แม้เวลาจะผ่านไปกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว ปัจจุบัน โครงกระดูกของเขาจัดตั้งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เฟรนช์ ควอเตอร์

          อย่างไรก็ตาม หัวใจของออกุสต์ไม่ได้ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์อีกต่อไป เนื่องจากมีผู้นำมาลงขายในเว็บไซต์อีเบย์เมื่อ 2-3 ปีก่อน ซึ่งปรากฏว่ามีผู้สนใจเข้าไปประมูลกันเป็นจำนวนมาก