ตามรอยตำนาน นาคี กับ 5 ที่เที่ยวเมืองบาดาล โลกเร้นลับใต้พิภพ
ตามหานาคี กับ 5 ที่เที่ยวเมืองบาดาล โลกเร้นลับใต้พิภพ
เมืองบาดาล เมืองแห่งพญานาคและดินแดนแห่งความเชื่อทางพุทธศาสนา ที่รอวันหาคำตอบว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แม้จะยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ความเชื่อนี้ก็อยู่คู่คนไทยมาช้านาน จนก่อเกิดเป็นตำนานสถานที่มากมาย เราชวนคุณๆ ท่องเที่ยวไปยังจุดต่างๆ ที่มีร่อยรอยความเชื่อของเมืองบาดาลและโลกเร้นลับใต้พิภพอยู่ ไปดูกันว่า จริงหรือไม่!!! ที่เค้าเล่าว่า “เมืองใต้น้ำ” เหล่านี้ มีสิ่งมีชีวิตนามว่า “พญานาค” อาศัยอยู่
1. “ถ้ำดินเพียง” เส้นทางสู่เมืองพญานาค จ.หนองคาย
โลกเร้นลับที่แรก ที่ PaiNaiDii พาคุณๆ ไปชมนั้น เป็นถ้ำคดเคี้ยว ที่มีห้อง โพรง ช่อง ซอก รู มากมายเป็นพันๆ ช่องทาง นามว่า “ถ้ำดินเพียง” หรืออีกชื่อคือ “ถ้ำพญานาค” ในอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่บอกเล่าความเร้นลับของเมืองบาดาล จากปากต่อปาก รุ่นสู่รุ่น มาช้านาน โดยถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบโดยชาวบ้านที่ออกล่าสัตว์ป่าและไปพบถ้ำนี้โดยบังเอิญ ความน่าอัศจรรย์อันเกิดจากปรากฎการณ์การกัดเซาะของดินคือ ช่องทางคดเคี้ยวเหล่านี้สามารถเชื่อมทะลุถึงกันได้ ขนาดของรูใหญ่กว่าคนเพียงเล็กน้อย ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าเส้นทางนี้คล้ายกับการเลื้อยของพญานาค อาจจะเป็นเส้นทางที่พญานาคใช้สัญจรไปมาใต้ลำน้ำโขงระหว่างหนองคายกับเวียงจันทร์ บ้างเชื่อว่าในถ้ำแห่งนี้มีเส้นทางไปสู่เมืองพญานาคได้ แต่ผู้ที่จะเดินทางไปได้นั้น ต้องเป็นผู้ทรงศีลที่แก่กล้าวิชาเท่านั้นจึงจะมองเห็น
ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "ถ้ำดินเพียง"
เรื่องเล่าในอดีต : เชื่อว่า ณ ถ้ำแห่งนี้ แต่เดิมเป็นเส้นทางเข้าออกของธิดาพญานาคซึ่งมาหลงรักเจ้าชายของเมืองนี้บนโลกมนุษย์ แต่ครั้นพอถึงวันออกพรรษา ธิดาพญานาคต้องกลับสู่เมืองบาดาล เพื่อไปเล่นน้ำกับพญานาคด้วยกัน เมื่อเจ้าชายตามมาพบและรู้ว่าคนรักของตนเป็นพญานาค จึงขอตัดขาดจากกันที่ถ้ำแห่งนี้
เรื่องเล่าปัจจุบัน : ลุงคำสิงห์ เกศศิริ ผู้ค้นพบถ้ำแห่งนี้ เล่าว่าหลังจากพบถ้ำไม่นาน ก็ฝันว่ามีพญานาคตัวสีเหลืองใหญ่ ยาว ขึ้นมาจากแม่น้ำโขง บอกให้ลุงช่วยเฝ้าดูแลรักษาถ้ำ เพราะเคยเป็นคนเฝ้าถ้ำแห่งนี้มาก่อนเมื่อชาติที่แล้ว แต่ลุงไม่เชื่อ ปรากฎว่าหลังจากนั้นก็ป่วยเป็นไข้ป่า รักษายังไงก็ไม่หาย จนต้องพึ่งหมอดูทางใน พบว่าทำผิดต่อพญานาคต้องไปขอขมา เมื่อขอขมาแล้วก็หายเป็นปกติ จึงได้ดูแลรักษาถ้ำแห่งนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
(Thanks : smash2633)
2. เมืองบาดาลคำชะโนด กับตำนาน “พญานาค” จ.อุดรธานี
“ผีจ้างหนัง” ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของทีมงานหนังเร่ที่ได้รับการว่าจ้างจากผู้จ้างปริศนา ให้มาฉายหนังในหมู่บ้านวังทอง จ.อุดรธานี โดยมีข้อแม้ว่าฉายได้ถึงแค่ตี 4 และให้ออกจากพื้นที่ไปก่อนฟ้าสาง และห้ามหันกลับมาดู แต่เมื่อทีมงานหนังเร่ ขับรถกลับมาอีกครั้ง ณ บริเวณเดิมในระยะเวลาไม่นาน ก็ไม่ปรากฎพื้นที่ที่ฉายหนังเลย คงพบแต่ป่าคำชะโนดขึ้นรกครึ้มแทน เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย ก็ทำให้ “ป่าคำชะโนด” ดังขึ้นในชั่วข้ามคืน โดยเชื่อกันว่าชาวเมืองบาดาล หรือ เมืองพญานาคที่อยู่ใน “ป่าคำชะโนด” แห่งนี้เป็นผู้จ้างหนังมาดู ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อของผู้คนละแวกนั้นที่เชื่อว่า “ป่าคำชะโนด” เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง โลกมนุษย์กับเมืองบาดาล ทั้งนี้ พื้นที่ “ป่าคำชะโนด” มีลักษณะเป็นเกาะ มีน้ำล้อมรอบ ทั้งเกาะมีต้นชะโนดขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก บริเวณกลางเกาะ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เรียกว่า “บ่อคำชะโนด” ซึ่งจะมีน้ำจากใต้ดินผุดขึ้นมาตลอดเวลา ซึ่งน้ำจากบ่อนี้ได้มีการอัญเชิญไปประกอบพิธีทางศาสนามากมาย สิ่งอัศจรรย์อีกอย่างที่ค้นพบ และทำให้เชื่อว่าป่าคำชะโนด แห่งนี้มีความพิเศษซ่อนอยู่คือ ที่นี่ไม่เคยถูกน้ำท่วมและที่สำคัญ แม้จะพบต้นชะโนดในป่าคำชะโนดมากเพียงไร แต่ระยะห่างจากป่าออกไปไม่เกิน 300 เมตร ก็ไม่ปรากฎต้นชะโนดให้เห็นอีกเลย
ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ป่าคำชะโนด
เรื่องเล่าในอดีต : มีพญานาค 2ตนได้ปกครองเมืองหนองกระแส โดยครึ่งหนึ่งเป็นของ สุทโธนาค (พญาศรีสุทโธ) ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของ สุวรรณนาค ทั้งสองปกครองเมืองอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แต่มีข้อตกลงกันอยู่ว่า ถ้าเมื่อฝ่ายใดออกไปล่าสัตว์หาอาหาร อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องไม่ไป เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการกระทบกระทั่งกัน และเมื่อฝ่ายที่ออกไปล่าสัตว์หาอาหารมาได้นั้น ให้นำมาแบ่งกันอย่างละครึ่ง
เมื่อถึงคราวสุวรรณนาคได้ออกไปล่าสัตว์หาอาหารได้เนื้อช้างมา จึงนำเนื้อช้างที่ได้แบ่งให้สุทโธนาค พร้อมทั้งนำขนของช้างไปยืนยันว่าเป็นเนื้อช้างจริง อีกครั้งที่สุวรรณนาคออกไปล่าสัตว์หาอาหารอีก ครั้งนี้ได้เม่นมาเป็นอาหาร จึงได้นำเนื้อเม่น และขนของเม่นไปมอบให้แก่สุทโธนาคเหมือนเช่นเคย แต่สุทโธนาคกลับแสดงความไม่พอใจ เพราะเมื่อดูจากขนของเม่นที่มีขนาดใหญ่กว่าขนของช้าง ปริมาณเนื้อที่ได้ก็ควรมีมากกว่าเนื้อของช้าง แต่ปริมาณเนื้อนั้นกลับมีน้อยกว่ามากนัก จึงคิดว่าสุวรรณนาคไม่มีความซื่อสัตย์ ฝ่ายสุวรรณนาคพยายามอธิบายอย่างไรก็ไม่เป็นผล จึงเกิดสงครามระหว่างสุทโธนาค และสุวรรณนาค
พระอินทร์ได้ทราบเรื่อง จึงหาวิธีการที่จะทำให้พญานาคทั้งสองนั้นหยุดทำสงครามกัน โดยให้พญานาคทั้งสองสร้างแม่น้ำขึ้นคนละสาย ถ้าใครสร้างได้ถึงทะเลก่อนจะให้ปลาบึกขึ้นอยู่ในแม่น้ำนั้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น สุทโธนาคก็ได้สร้างแม่น้ำมุ่งไปทางทิศตะวันออกของหนองกระแส และด้วยความที่สุทโธนาคมีนิสัยใจร้อน เมื่อพบเจอภูเขากั้นทางแม่น้ำก็จะทำการหลบหลีก โค้งไปโค้งมา จึงเกิดเป็น แม่น้ำโขง (โค้ง) ส่วนทางฝ่ายสุวรรณนาคนั้น ได้ทำการสร้างแม่น้ำขึ้นทางทิศใต้ของหนองกระแส สุวรรณนาคมีความละเอียด และใจเย็น แม่น้ำที่สร้างขึ้นจึงมีความตรงกว่าแม่น้ำทุกสาย ได้แก่ แม่น้ำน่าน
สุทโธนาคเป็นผู้ที่สร้างแม่น้ำได้เสร็จก่อน จึงมีปลาบึกขึ้นอยู่ในแม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียว และเมื่อชนะ สุทโธนาคก็ได้ขอทางขึ้น-ลง ระหว่างเมืองบาดาล กับเมืองมนุษย์ไว้อีก 3 แห่ง หนึ่งในนั้นก็คือ คำชะโนด ซึ่งมีต้นชะโนดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ นอกจากนี้ สุทโธนาคยังได้ขอให้ทุก 15 วันที่เป็นข้างขึ้น ให้สุทโธนาคพร้อมบริวารสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ และตั้งบ้านเมืองปกครองอยู่ที่คำชะโนดได้ และอีก 15 วันข้างแรม ให้กลายเป็นนาคลงไปอาศัยอยู่ที่เมืองบาดาล คำชะโนดจึงกลายเป็นศูนย์กลางของเมืองมนุษย์และเมืองบาดาล ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
(Thanks : noominee NuFcTH)
3. แก่งอาฮง-สะดือแม่น้ำโขง-วังพญานาค จ.บึงกาฬ
ปริศนาแห่งลุ่มน้ำโขง ดินแดนแห่งเมืองบาดาลและพญานาค ที่ต่อไปที่ PaiNaiDii จะพาคุณๆไปท่องเที่ยวนี้ เราไปกันที่ “แก่งอาฮง” ซึ่งตั้งอยู่ บริเวณวัดอาฮง ในหมู่บ้านอาฮง ตำบลหอคำ จังหวัดบึงกาฬ โดยบริเวณแก่งน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ เชื่อกันว่าเป็นบริเวณจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง วัดได้ 99 วา หรือ ประมาณ 200 เมตร จัดเป็นแก่นกลางสะดือของแม่น้ำ ที่ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งของวังพญานาค หรือเมืองหลวงของเมืองบาดาล นั่นเอง โดยสิ่งที่สะท้อนความเชื่อของสถานที่แห่งนี้ก็เช่น สิ่งมีชีวิตทุกประเภทเมื่อได้เสียชีวิตในแม่น้ำโขงแห่งนี้ ศพจะลอยมาติดอยู่ที่บริเวณนี้เท่านั้น ไม่สามารถไหลไปต่อได้ หรือหากหาศพไม่เจอ ให้มาหา ณ บริเวณนี้ก็จะเจอศพ นอกจากนี้เชื่อกันว่า ที่นี่มีปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค เหมือนกับที่ อำเภอโพนพิสัย ต่างกันแค่ ลูกไฟของที่นี่มีสีเขียว ในขณะที่ที่อื่นๆจะมีสีแดง และเคยมีเรื่องเล่าขานกันมาว่า เคยเกิดบั้งไฟพญานาคขนาดใหญ่เท่าแท๊งค์น้ำผุดขึ้นจากบริเวณนี้ และพุ่งขึ้นสูงถึง 40 เมตร ทำให้ทั่วบริเวณสว่างไสวราวกับตอนกลางวัน ก่อนที่จะจางหายไปในที่สุด
ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ แก่งอาฮง
เรื่องเล่าในอดีต : ที่ใต้สะดือแม่น้ำโขงนั้นมีถ้ำขนาดใหญ่และเป็นเมืองหลวงของพญานาค เป็นสถานที่อยู่ของราชาพญานาค เป็นจุดศูนย์กลางการปกครองนาคพิภพ โดยถ้ำแห่งนี้สามารถใช้สัญจรไปฝั่งลาวได้ซึ่งจะไปทะลุที่ ภูงู ส่วนทางออกอีกด้านคือเมืองคำชะโนด จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในสามทางออกที่พญานาคนามว่า พญาศรีสุทโธนาคราช ขอพระอินทร์เอาไว้ และนี่ก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมน้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ กลางป่าคำชะโนด จึงไม่เคยเหือดแห้งไป ก็เพราะบ่อน้ำนี้ได้เชื่อมกับสะดือแม่น้ำโขง เมืองหลวงพญานาคนั่นเอง
ราชา พญานาคโอฆินทร อาศัยอยู่ที่สะดือแม่น้ำโขง ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางการปกครองของนาคพิภพ มีบุตรนามว่า มธุรนาคราช เมื่อเจริญวัยเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นได้ติดตามบิดาขึ้นไปบนพื้นดิน และทั้งคู่ก็ได้แลเห็นเหตุการณ์วันเทโวโรหนะขณะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเปิดโลก ครั้งนั้น ทั้งพญานาคและมนุษย์ เมื่อได้ยลพุทธลักษณะต่างก็บังเกิดความศรัทธา เคารพเลื่อมใสเป็นอย่างมาก จึงต่างตั้งใจบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามสติปัญญาและอนุภาพของตน ซึ่งด้วยฤทธานุภาพของพญานาคทำให้สามารถกลั่นดวงประทีปหรือบั้งไฟเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาได้ จึงเกิดบั้งไฟพญานาคขึ้น ณ สะดือแม่น้ำโขงขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
(Thanks : อันแน่ออนทัวร์)
4. ถ้ำน้ำเขาศิวะ ถ้ำน้ำที่อยู่พญานาค จ.สระแก้ว
สถานที่ถัดไป เราจะพาคุณไปชมถ้ำของพญานาคกันค่ะ ไปกันที่ “ถ้ำน้ำเขาศิวะ” หรือ “ถ้ำเขาศิวะ” ในจังหวัดสระแก้ว ตั้งอยู่บริเวณบ้านเขาจันทร์แดง ระหว่างเทือกเขาตาง็อกและเทือกเขากกมะม่วง อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอคลองหาดประมาณ 16 กิโลเมตร ภายในถ้ำเป็นพื้นน้ำ มีตาน้ำขนาดใหญ่ไหลออกมาจากถ้ำน้ำเขาศิวะ โดยถ้ำมีความลึก 333 เมตร ใช้เวลาการเดินทางไปกลับประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ระดับน้ำสูงตั้งแต่ 10-220 เซนติเมตร ภายในถ้ำจะมีห้องต่างๆ คดเคี้ยวไปมา และมีหินงอกหินย้อยอยู่ทั่วไป มีความสวยงามมาก เมื่อเดินจนสุดถ้ำจะเจอทางตันไม่สามารถไปต่อได้ แต่เชื่อกันว่าบริเวณสุดทางนี้มีความลึกมากที่สุด หากดำลงไปจะเจอเมืองบาดาล และที่ตอบโจทย์ความเชื่อนี้อีกอย่างคือ ก่อนเข้าถ้ำจะมี “ศาลพ่อปูนาคา” ซึ่งผู้ที่เข้ามาเที่ยวทุกคน ต้องสักการะก่อนเข้าเพื่อให้ช่วยป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น ทั้งยังเป็นการเสริมสิริมงคลให้กับตัวเองอีกด้วย
ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ถ้ำน้ำเขาศิวะ
เรื่องเล่าในอดีต : ก่อนที่จะเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ได้มีการสำรวจโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำมาด้วย เมื่อถึงบริเวณปลายสุดของถ้ำที่เป็นทางตัน พบว่าน้ำในบริเวณนี้มีความลึกมาก จึงได้มีการดำน้ำลงไปสำรวจ และหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ดำลงไปสำรวจเเล้ว เมื่อกลับขึ้นมาก็ได้เล่าว่า ข้างล่างนั้นเป็นเหมือนเมืองบาดาล เจ้าหน้าที่คนนั้นเมื่อเล่าจบก็ออกมาจากสถานที่นั้นโดยไม่หันกลับไปมองบริเวณนั้นอีกเลย และตั้งแต่นั้นมาก็ยังไม่มีใครกล้าที่จะดำลงไปอีก จึงกลายมาเป็นเรื่องราวปริศนาที่เล่าต่อๆ กันมาของถ้ำน้ำเขาศิวะแห่งนี้
(Thanks : ท่องเที่ยวสะดุดตา)
5. ถ้ำพญานาค วัดไทย โพนพิสัย ถ้ำจำลองที่สร้างจากนิมิตร จ.หนองคาย
ชมเมืองบาดาลหรือถ้ำพญานาคที่เกิดจากธรรมชาติมามากแล้ว ที่สุดท้ายที่ PaiNaiDii จะพาเพื่อนไปพบกับศรัทธาและความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค ที่เป็นสถานที่จำลองที่มนุษย์สร้างขึ้นบ้าง ที่ “ถ้ำพญานาค วัดไทย อำเภอโพนพิสัย จ.หนองคาย” โดยความเป็นมาของถ้ำแห่งนี้ ถือเป็นเรื่องราวที่เล่าขานสืบมาหลายร้อยปี โดยเชื่อว่า เกิดจากนิมิตรฝันของเจ้าอาวาส ที่ฝันว่าได้ไปเยือนถ้ำบาดาลหรือถ้ำพญานาคที่ตั้งอยู่ภายในแม่น้ำโขงตรงหน้าวัด เมื่อตื่นขึ้นมาจึงนำภาพฝันที่ระลึกได้มาสร้างเป็นถ้ำพญานาคให้คนทั่วไปได้ประจักษ์ ภายในถ้ำตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง มีความสวยงามและสงบร่มรื่น บริเวณทางเข้าจะมีหินมันวาววางเรียงรายอยู่ทั่วไป และก่อนเข้าเยี่ยมชมต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด
(Thanks : ณรงค์ ปาระขะมาลย์)
5 สถานที่ท่องเที่ยว เมืองบาดาลโลกเร้นลับใต้พิภพ บอกเล่าเรื่องราวความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคว่าอยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน แม้ปัจจุบันจะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า พญานาคมีอยู่จริงหรือไม่ แต่การเที่ยวไปยังสถานที่ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่นั้น ก็ควรอยู่ในอาการที่สำรวม ให้ความเคารพในสถานที่และปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัด เพราะเรื่องแบบนี้ ...ไม่เชื่ออย่าลบหลู่