ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ “ซูเปอร์ฟูลมูน” คือการที่ดวงจันทร์โคจรเข้ามาในระยะใกล้โลกมากที่สุดในช่วงที่กำลังเต็มดวงพอดี ทำให้มองเห็นว่ามีขนาดใหญ่ขึ้นราว 14% และมีความสว่างมากขึ้นราว 30% เมื่อเทียบกับพระจันทร์เต็มดวงตามปกติ

ในบางแห่งอาจได้เห็นซูเปอร์ฟูลมูนที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 68 ปี ครั้งนี้ ทั้งในคืนวันที่ 13 และคืนวันที่ 14 พฤศจิกายน โดยผู้ที่ต้องการชมซูเปอร์ฟูลมูน ควรออกไปยังสถานที่ที่ไม่มีแสงไฟรบกวนมากนัก และให้เริ่มสังเกตพระจันทร์ทันทีหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน ตั้งแต่เวลาประมาณ 18:00 น. เป็นต้นไป โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก จะพบว่าพระจันทร์ช่วงที่เพิ่งขึ้นจากขอบฟ้ามีขนาดใหญ่เป็นพิเศษและน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าเมื่อขึ้นสูงเหนือขอบฟ้าไปแล้ว

หากสภาพอากาศเป็นใจ คาดว่าวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ชาวโลกจะได้ชมปรากฏการณ์ซูเปอร์ฟูลมูนที่มีขนาดใหญ่และสว่างที่สุดในรอบศตวรรษอย่างแน่นอน แต่หากพลาดโอกาส จะต้องรอไปชมอีกครั้งในอีก 18 ปีข้างหน้า คือในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2034 จึงจะได้ชมซูเปอร์ฟูลมูนแบบพิเศษชนิดเดียวกัน ส่วนปรากฏการณ์ซูเปอร์ฟูลมูนแบบธรรมดาในครั้งต่อไปสามารถชมได้ในคืนวันที่ 15 ธันวาคมของปีนี้