กล้ามาก!! ทนาย”น๊อต-กราบรถกู” ใช้ตรรกะถ้ามีคนหยิบมือถือคุณไปปาทิ้ง..จะโกรธมั้ย?(คลิป)
หลังจากที่”น๊อต”อัครณัฐ แถลงเปิดใจทั้งน้ำตา ยอมรับผิดที่ลงมือทำร้ายนายกิตติศักดิ์ หรือบอย คู่กรณีแล้วบังคับให้กราบรถที่ถูกเฉี่ยวชน โดยบอกว่า “ผมทำผิด ผมรับผิดชอบ ผมไม่เคยหนีไปไหน ผมไม่มีความจำเป็นที่ต้องหนีไปไหน ผมไม่ได้มาสร้างภาพเป็นคนดี ทุกอย่างอยู่ที่ใจของผม ผมตั้งใจทำมันออกมา แต่การกระทำแค่ 1 นาทีครึ่งนั้น อย่าเอาเรื่องนี้มาตัดสินผมเลย ผมขอร้องนะครับ การพิมพ์ข้อความของพวกคุณ มันบั่นทอนจิตใจของผม แต่ไม่เป็นไร แต่อย่าทำร้ายคนอื่น เพราะพวกเขาไม่เกี่ยว อย่าตัดสินผมแค่ 1 นาทีครึ่งแล้วมาทำร้ายครอบครัวผม”
แต่ที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์คือการให้สัมภาษณ์ของนายอดุล ทินะพงศ์ ทนายความของ”น๊อต”ที่ระบุว่า ขอให้ดูทรัพย์สินที่เสียหายสิครับ ดูร่องรอยไฟท้ายรถก่อนครับว่าเสียหายมั้ยครับ ถ้านักข่าวโดนคนหยิบมือถือแล้วปาทิ้ง จะรู้สึกอย่างไร อย่าบอกว่าไม่โกรธนะครับ ถ้าไม่โกรธ ผมขอมือถือมาปาหน่อยครับ
เพราะชาวเน็ตพากันแชร์คลิปไลฟ์สตรีมนี้ของข่าวสดเป็นหมื่นครั้ง ยอดคนดูนับล้านวิว และมีการแสดงความเห็นอีกนับหมื่นคอมเม้นต์ โดยส่วนใหญ่เห็นว่าทนายไม่ควรเปรียบเทียบแบบนี้ ตรรกะผิดเพี้ยน เพราะหากหยิบมือถือไปปาแบบนั้นเจตนาชัดเจนว่าต้องการทำายทรัพย์สิน แต่กรณีเฉี่ยวชนเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเห็นว่าเรื่องทรัพย์สินเสียหาย ไม่จำเป็นต้องทำร้ายร่างกายกัน อีกทั้งส่วนใหญ่ก็เห็นใจ”น๊อต”ที่ถูกรถเฉี่ยวชนรถเก๋งสุดรัก แต่ก็เห็นว่าควรแจ้งตำรวจให้จัดการทางกฏหมาย จะเหมาะกว่าทำร้ายร่างกายคู่กรณีแบบนั้น
ขอบพระคุณคลิปจาก : ข่าวสด
นี่คือส่วนหนึ่งของผู้แสดงความเห็น “ยิ่งพูดยิ่งทุเรศ ทนายก็นะ ถามได้ปามือถือคุณๆโกรธมั้ย การปามือถือคือคุณเจตนาปา เป็นใครก็โกรธค่ะ แต่อุบัติเหตุมันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด รถคุณเสียหายซ่อมได้ค่ะ แต่ลูกความคุณเหยียดหยามความเป็นคนของคนอื่น คุณจะซ่อมความรู้สึกของคนในครอบครัวเขายังไงค่ะ”
“ขอมือถือมาขว้างกับอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนมันคนละเรื่องกันมั้ยคะคุนทนาย …..แล้วต่อยหน้าเพื่อปกป้องทรัพย์สินถามว่ามันชนไปแล้วถ้าต่อยแล้วทรัพย์สิน…จะไม่เสียหายใช่มั้ยคะ แต่จมูกน้องเขาเสียหายคะ เสียหายทั้งทางร่างกายและจิตใจ”
“ถึงคุณทนาย…จากคำพูดที่ว่า ขอยืมโทรศัพท์มาปา แล้วจะโกรธมั้ย ใช่ค่ะฉันโกรธคุณแน่ เพราะเจตนาคุณตั้งใจชัดเจน แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น มันไม่มีใครอยากให้เกิด มันไม่ใช่การกระทำโดยเจตนา และจำเลยก็ได้ขอโทษและสำนึกผิดแล้ว นี่มันไม่ใช่คดีอาญาที่ยอมความไม่ได้ แต่การที่คนของคุณไปทำร้ายเค้ามันอาจจะเป็นคดีอาญาได้นะค่ะคุณทนาย”