แตกตื่น!! หลุมยุบลึก21เมตร มะพร้าวใหญ่หายทั้งต้น หน้าโบสถ์กลางงานทอดกฐิน ชาวบ้านลือพญานาคผุด
วันที่ 27 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ ต.นิคมพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล ต่างพากันมามุงดูหลุมขนาดความกว้าง 40 เซนติเมตร แต่ลึกถึง 21 เมตรในวัดปัณณรสาราม หมู่ที่ 7 ต.นิคมพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล โดยหลุมดังกล่าวอยู่ห่างจากโบสถ์ 7 เมตร และโรงธรรม 13 เมตร ชาวบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นความอัศจรรย์ เพราะในพื้นที่ละแวกนี้ไม่เคยมีปรากฏการณ์ลักษณะนี้มาก่อน รวมทั้งช่วงที่เกิดเป็นช่วงก่อนที่ทางวัดจะจัดงานทอดกฐินเป็นเวลา 1 วัน ทำให้ชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่ เล่าขานว่า น่าจะเกิดการผุดขึ้นมาของพญานาค เนื่องจากผุดตรงกับหน้าโบสถ์วัดพอดี
นายสว่าง บุญดำ อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ อส.ประจำ อ.มะนัง อยู่ในที่เกิดเหตุได้นำไม้ไผ่ยาวขนาด 10 เมตรทดลองวัดความลึกปรากฏว่าไม่สามารถหยั่งความลึกได้ จึงเปลี่ยนมาใช้เชือกฟางอย่างหนาผูกกับก้อนหินหย่อนลงไปทีละน้อย ก่อนทำการวัดพบว่ามีความลึกถึง 21 เมตร โดยหลังเกิดเหตุได้แจ้งให้ทางกำนัน ผญบ. ปลัดอาวุโส อ.มะนัง ได้รับทราบในเรื่องนี้แล้ว โดยเกรงว่าหากปล่อยไว้นานไม่ดำเนินการ จะเกิดอันตรายการขยายวงกว้างของหลุมได้ โดยระหว่างที่มีการวัดความลึกของหลุมยุบอยู่นั้น ได้มีการทดลองตักน้ำที่อยู่ภายในหลุมหลังหย่อนขวดลงไปเพียง 3 เมตร ก็พบน้ำในหลุมพบว่ามีกลิ่นคล้ายกำมะถัน น้ำใสไม่ขุ่นมากนัก
ด้านพระจำลอง จักกะธรรมโม พระลูกวัดปัณณรสาราม เล่าว่า ก่อนถึงวันที่ทางวัดทอดกฐิน เพียง 1 วัน ไม่ทันสังเกตว่ามีหลุมยุบเป็นโพรงภายในวัดอยู่ใกล้กับโบสถ์ และยังออกบิณฑบาตตามปกติ มาวันที่มีร้านค้ามารื้อเต็นท์ที่มีการจำหน่ายของภายในวัด ชี้ให้ดูว่าหลุมนี้รูเล็กจริง แต่มีความลึกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฝนตกหลุมมีความกว้างเพิ่มจากก่อนนี้ ยิ่งสร้างความสนใจของชาวบ้านที่มาร่วมงานทอดกฐิน บ้างก็พูดต่างๆ นานา โดยเฉพาะญาติโยมผู้เฒ่าผู้แก่ ที่บอกว่าเกิดจากพญานาคเพราะเกิดในช่วงมีการทอดกฐินขึ้นภายในวัด และเกิดขึ้นบริเวณหน้าโบสถ์ ซึ่งหลุมนี้เบื้องต้นได้มีการล้อมรอบด้วยเชือก และติดป้ายอย่างง่าย ว่าเป็นเขตอันตราย พร้อมเอาล้อยางรถยนต์ที่ไม่ใช้แล้ว และแผ่นกระดานมาปิดทับด้านบนไว้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ เด็กเล็ก หรือสัตว์เลี้ยงตกลงไป โดยทางญาติโยมอยากให้มีการกั้นพื้นที่ไว้ หากเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะให้บังเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามเบื้องต้น อยู่ระหว่างการประสานให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องอย่าง สนง.ทรัพยากรธรณีมาดูในพื้นที่ เพื่อหาข้อเท็จจริงทางธรณีวิทยาอีกครั้ง