เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2559 นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพัทลุง ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพัทลุง ยื่นฟ้องในคดีฆ่าฝังดิน โดยมีนางสาวแดง (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ร่วมเป็นโจทก์ และนายเอ็ม (นามสมมติ) กับพวก 3 คน เป็นจำเลย ข้อหาผิดฐานร่วมกันฆ่า, พยายามฆ่าผู้อื่น, ซ่อนเร้นทำลายศพ พ.ร.บ.อาวุธปืน และอื่น ๆ

สำหรับคดีดังกล่าวนั้น เริ่มจากนางสาวน้อย (นามสมมติ) จำเลยที่ 3 ได้คบหากับนายภาสกร คงสวัสดิ์ ผู้ตาย ก่อนที่นางสาวน้อยจะนัดให้ผู้ตายกับนางสาวแดง ซึ่งเป็นแฟนกัน มาพบกับนายเอ็มและนายเปี๊ยก จำเลยที่ 1 และ 2 ก่อนที่ทั้งสองคนจะใช้ปืนขู่ผู้ตายและนางสาวแดง ให้ไปที่กระท่อมท้องนา จากนั้นก็ได้ข่มขืนทั้งที่เธอตั้งครรภ์อยู่ ต่อมาก็ได้พาผู้ตายกับนางสาวแดงไปนั่งที่ปากหลุมที่ขุดไว้ ใช้ปืนยิงศีรษะผู้ตายจนร่างตกลงหลุม ใช้ดินฝังกลบ ส่วนนางสาวแดงได้ร้องขอชีวิตเอาไว้

หลังจากนั้นนายเปี๊ยกได้พานางสาวแดงไปพักอาศัยที่บ้าน ก่อนที่จะพานางสาวแดงนั่งรถกระบะไปตามถนนเพชรเกษม กระทั่งถึงระหว่างทางจังหวัดพัทลุง-ตรัง จำเลยร่วมกันตีและใช้มีดแทงนางสาวแดงอีกหลายครั้ง แล้วโยนลงข้างทางที่มีลักษณะเขาสูงชัน แต่ก็มีพลเมืองดีพบและให้ความช่วยเหลือ

ด้านศาลเห็นว่านายเอ็มและนายเปี๊ยก มีความผิดหลายกรรมร่วมกัน แต่จำเลยอายุมากกว่า 15 ปี แต่ต่ำกว่า 18 ปี จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือการจำคุกคนละ 25 ปี 36 เดือน (28 ปี) และปรับคนละ 250 บาท ขณะที่จำเลยที่ 3 จำคุก 4 เดือน และปรับ 1,500 บาท

นอกจากนี้ จากการพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบรายงานแสดงข้อเท็จจริงของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดพัทลุง เห็นว่า จำเลยที่ 1 และ 2 กระทำความผิดหลายข้อหาอย่างอุกฉกรรจ์ วางแผนกันล่วงหน้า และผลการกระทำได้สร้างความเสียหายถึงแก่ชีวิต และส่งผลต่อสภาพจิตใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งความประพฤติโดยทั่วไปก็เกี่ยวข้องกับยาเสพติด คบหากับบุคคลที่ไม่เหมาะสม มีความเสี่ยงที่จะก่อเหตุซ้ำ ฉะนั้นการใช้วิธีการตัดสินแบบเด็กและเยาวชน ถือว่าไม่เหมาะสม

ขณะที่จำเลยที่ 3 ยังมีผู้ปกครองที่รักใคร่ห่วงใยและประสงค์รับตัวกลับไปดูแลเอง เพื่อสวัสดิภาพและอนาคตที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงรอการลงโทษ มีกำหนด 3 ปี และให้คุมความประพฤติอีก 2 ปี